พุทธบริษัททั้งหมด ต้องศึกษาธรรมวินัยให้เข้าใจถูกต้องเพื่อที่จะดำรงรักษาไว้ซึ่งพระศาสนา ถ้าบริษัทหนึ่งบริษัทใดที่ประพฤติผิด บริษัทที่เหลือก็ตักเตือนท้วงติง ให้ทำสิ่งที่ถูกต้อง จึงจะดำรงรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้ ที่สำคัญก็คือ พุทธบริษัททั้งหมด ต้องเข้าใจคำสอนที่พระพุทธองค์ทรงแสดง
พระธรรมวินัยคือพระศาสนา
ตามพระธรรมวินัยแสดงไว้ชัดเจนว่า ภิกษุในพระธรรมวินัยไม่รับและไม่ยินดีในเงินและทอง ไม่ซื้อขายแลกเปลี่ยนสิ่งของใด ๆ ผู้ที่ละเมิดพระธรรมวินัย ไม่รู้ว่าภิกษุคือใคร ไม่รู้เลยว่าหน้าที่ของภิกษุมีอย่างไรบ้าง ผู้มีปัญญาย่อมเห็นได้ว่าสิ่งที่ทำไปในลักษณะเช่นนั้น เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะควรแก่ภิกษุเป็นอย่างยิ่ง ภิกษุต้องเป็นผู้สันโดษ สงบ ไม่คลุกคลีวุ่นวายเรื่องทางโลก
วัดซึ่งควรจะเป็นศูนย์กลางของความรู้ความเข้าใจในพระธรรมวินัยของพระพุทธองค์ กลับไม่ได้มีสิ่งเหล่านี้เลย เนื่องจากภิกษุไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก ทำธุรกิจแลกเปลี่ยนค้าขาย รับเงินและทอง เป็นเรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่ เป็นเรื่องไม่ควรและเป็นอาบัติ ซึ่งหมายถึงการตกไปจากความดี ไม่ดำรงอยู่ในเพศของผู้ที่ประเสริฐ ไม่เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อออกจากสังสารทุกข์ กลับทำการเหมือนกับคฤหัสถ์ผู้ครองเรือน ไม่เกิดประโยชน์ใดที่คนเหล่านี้บวชเข้ามาเป็นเพศบรรพชิต และประกาศตนเองว่าเป็นสมณะ แต่มิได้ประพฤติเยี่ยงสมณะ นำความเสื่อมมาสู่พระศาสนาอย่างมากมาย มีการสร้างสิ่งอะไรต่างๆ ตามวัด เช่น เทวรูป เป็นต้น ทำให้คนเข้าใจผิด สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ เห็นผิด ไม่ตรงตามพระธรรมวินัย บูชาใคร จึงสร้างสิ่งเหล่านั้นไว้ สร้างไว้ทำไม ก็ไม่มีเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากความเห็นผิด แล้วก็เป็นการชักชวนให้คนเห็นผิด ไม่ใช่ให้เข้าใจพระธรรม
คนที่ไม่รู้ ก็ช่วยกันทำลาย เพราะเหตุว่าแทนที่จะเข้าใจพระธรรมวินัย ก็กลับส่งเสริม และทำลายพระธรรมวินัยด้วยความไม่รู้ บางคนอาจจะคิดว่าการที่มีพระภิกษุมากๆ จะดำรงพระศาสนาไว้ได้ แต่ถ้าบวชแล้วไม่ศึกษาไม่ทำตามพระธรรมวินัย ก็เป็นการช่วยกันทำลาย หรือคิดว่าไม่ใช่ธุระ “ชั่วช่างชีดีช่างสงฆ์” เพราะฉะนั้น ต้องเป็นผู้ที่เข้าใจและจริงใจแล้วก็เป็นผู้ตรง แม้แต่ความตรง ความจริงใจและความเข้าใจ ให้ประโยชน์กับตนเอง ในขณะที่ฟังสามารถที่จะรู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด เพราะนอกจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วใครจะกล่าวความถูก ความผิด อย่างละเอียดยิ่ง
ภิกษุใดรับเงินและทอง ในครั้งพุทธกาล คฤหัสถ์เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนา เพ่งโทษให้รู้ว่าเป็นโทษ เพราะนั่นไม่ใช่บรรพชิต ไม่ใช่ภิกษุในพระธรรมวินัย ภิกษุในธรรมวินัยสละชีวิตแล้วเพื่อที่จะศึกษาพระธรรม ซึ่งจะต้องศึกษาพระธรรม ไม่อย่างนั้นจะบวชทำไม คฤหัสถ์ยังฟังธรรมศึกษาพระธรรม แต่ก็รู้ว่าไม่บวช เพราะเหตุว่าไม่ได้สะสมมาที่จะขัดเกลากิเลสในเพศของบรรพชิต เพราะฉะนั้น ผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนา จึงมีทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิต ตามอัธยาศัย
พุทธบริษัททั้งหมด ต้องศึกษาธรรมวินัยให้เข้าใจถูกต้องเพื่อที่จะดำรงรักษาไว้ซึ่งพระศาสนา ถ้าบริษัทหนึ่งบริษัทใดที่ประพฤติผิด บริษัทที่เหลือก็ตักเตือนท้วงติง ให้ทำสิ่งที่ถูกต้อง จึงจะดำรงรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้ ที่สำคัญก็คือ พุทธบริษัททั้งหมด ต้องเข้าใจคำสอนที่พระพุทธองค์ทรงแสดง.
ต้องอาศัยการสะสมอบรมเจริญปัญญาไปทีละเล็กทีละน้อย แต่ลองคิดถึงว่า ถ้าไม่ฟังไม่ศึกษาพระธรรมเลย จะเป็นอย่างไร จะคงยังมีความเห็นผิดอยู่ และไม่มีหนทางที่จะละความเห็นผิด ถ้าไม่อาศัยพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้แล้วโดยละเอียด