ธรรมะ คือสิ่งที่มีจริง เกิดขึ้นด้วยเหตุปัจจัย เกิดแล้วดับไป ไม่ใช่คน สัตว์ สิ่งของ สิ่งที่มีจริงนั้น เป็นจริงอย่างไรก็เป็นจริงอย่างนั้น ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงลักษณะของสภาพธรรมนั้น ๆ ให้เป็นอย่างอื่นไปได้ เมื่อกล่าวโดยรวมแล้ว ก็ไม่พ้น จิต เจตสิก รูป และนิพพาน
ชีวิตมีค่าเมื่อไหร่
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ แต่ละคำเปิดเผยความจริง เวลานี้ทุกอย่างมีจริงแต่ถูกปกปิดด้วยความไม่รู้ แต่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำ กำลังจะเปิดเผยสิ่งที่ปิดบังไว้นานแสนนาน เปิดของที่ปิด ซึ่งยังไม่มีการเปิดให้รู้ว่ามีอะไรบ้าง เพราะฉะนั้น คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่สนใจของผู้ที่ได้สะสมการที่เคยได้ยินได้ฟังแล้วเห็นประโยชน์สูงสุดในชีวิต เกิดมาแล้วต้องจากโลกนี้ไป ระหว่างที่มีชีวิตอยู่ก็สุขทุกข์ พอสุขก็ติดข้อง พอทุกข์ก็ไม่ชอบ แต่ไม่เข้าใจความจริงเลยว่าสิ่งนั้นเกิดชั่วคราวแล้วหมดแล้ว แล้วไม่กลับมาอีก
จะตายเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ ตายวันนี้ไม่มีที่พึ่งเลยเพราะไม่เคยฟังธรรม น่าเสียดายชีวิตที่ยังอยู่ต่อไป ค่าที่สุด เพราะเงินทองก็ตามไปไม่ได้ เพื่อนฝูงมิตรสหายผู้ที่เป็นที่รักทั้งหมดตามไปไม่ได้เลย เกิดคนเดียว ตายคนเดียว ต้องจากทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งหลงว่าเป็นของเรา แม้แต่ตั้งแต่ศีรษะตลอดเท้า คิดว่าเป็นของเรา เป็นเรา แต่ความจริงไม่ใช่เลย อย่างไรๆ ก็เริ่มรู้ความจริงตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ว่า ไม่มีเรา แต่มีธรรมฝ่ายดี และ ฝ่ายไม่ดี ทุกอย่างหมดเป็นธรรม ธรรมที่ไม่ดีไม่ชั่วก็มี คือ ธรรมที่เกิดมาแล้วไม่รู้อะไร ต้นไม้ ใบไม้ แข็งอ่อน ใครจะไปกระทบสัมผัส ก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้น ธรรมหลากหลายมาก
ผู้ที่มีความมั่นคงในพระรัตนตรัย ก็สามารถที่จะเข้าใจว่าประโยชน์ที่เกิดจากการฟังพระธรรม ฟังแล้วรู้ว่า มีบุคคลที่ตรัสรู้ความจริง ไม่ใช่ตรัสรู้อย่างอื่น แต่ตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ ยินดีไหมที่มีโอกาสจะได้ฟัง ว่าท่านผู้นั้นบุคคลผู้เลิศนั้นตรัสว่าอะไรบ้าง มากมายใน ๔๕ พรรษาด้วยพระมหากรุณา เราจึงสามารถได้ยินได้ฟังคำซึ่งผู้ที่ได้รู้ความจริงนั้นสืบทอดกันมารักษาดำรงคำสอนไว้เพื่อที่จะให้คนอื่นได้รู้ตามด้วย เพราะฉะนั้น ชีวิตมีค่าเมื่อเมื่อได้รู้ความจริง และได้สามารถทำให้คำที่เป็นจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้นั้นสืบต่อไปถึงคนอื่นด้วย
จะตายนี่ต้องตายแน่ มีปัจจัยที่จะทำให้ตาย ก็ตาย กำลังสุขสำราญ ไม่มีใครว่ากล่าว ไม่มีใครนินทา ไม่มีใครปองร้าย ก็ตายตามเหตุตามปัจจัย แล้วจะกลัวอะไรกับความจริง เพราะฉะนั้น ความจริงเป็นสิ่งที่ควรรู้อย่างยิ่ง แล้วก็ควรที่จะให้คนอื่นได้มีโอกาสรู้ตาม เพราะว่าเรารู้ตามที่ผู้ได้ฟังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสืบทอดกันมา ฉันใด เป็นประโยชน์แก่เรา คำของเราที่เป็นประโยชน์ ก็จะเป็นประโยชน์ของคนต่อไป รุ่นต่อไปที่มีโอกาสจะได้ยินได้ฟัง เป็นการกตัญญูรู้คุณ ว่าสิ่งใดมีคุณ เพราะฉะนั้น ทำสิ่งที่มีคุณนั้นต่อไป เพื่อเป็นการตอบแทนคุณของผู้มีคุณที่ทำให้เราสามารถที่จะเข้าใจสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ได้ จากการที่ไม่เคยรู้เลย เพราะฉะนั้น มั่นคงขึ้นด้วยการที่รู้ความจริง ไม่หวั่นไหวเลย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น