Home » ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

( Somboon )

by Pakawa

แต่ละคนมีการสะสมมาที่แตกต่างกัน คนที่เห็นผิด งมงาย ไม่ได้มีเฉพาะในยุคนี้สมัยนี้เท่านั้น เป็นมาแล้วทุกยุคทุกสมัย แต่เราจะไม่เป็นอย่างนั้น แต่จะเป็นผู้ที่เห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจความจริง ด้วยการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญาต่อไป

#ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ 

ปัจจุบันมีสิ่งที่ชาวพุทธให้ความยึดถือเป็นที่พึ่งนอกเหนือจากพระรัตนตรัย โดยอาศัย ความเป็นคนเชื่อง่าย และยังไม่กล้าที่จะปฏิเสธ เพราะไม่รู้ไม่ได้ศึกษาในหลักพระธรรมคำสอน ในพุทธศาสนาอย่างแท้จริง เชื่อตามๆ กัน ใครบอกอะไรก็เชื่อไว้ก่อน จนมีคำพูดที่ว่า “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่”
เชื่อในสิ่งที่ผิด นั่นไม่ใช่ ศรัทธา แต่เป็นอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ มีความติดข้อง ความเห็นผิด และความไม่รู้ เป็นต้น ที่มีการหลงเชื่ออย่างนั้น เพราะขาดที่พึ่งคือปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก ไม่ได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ถ้าได้ฟังได้ศึกษา ก็จะมีความเข้าใจอย่างถูกต้อง เข้าใจเหตุและผล และมีความจริงใจ มั่นคง ที่จะทำแต่สิ่งที่ถูกต้องดีงามเท่านั้น ไม่ตกไปในฝ่ายที่ผิดอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นแล้ว จึงควรอย่างยิ่งที่จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ซึ่งเป็นหนทางเดียวเท่านั้น ที่จะเป็นเครื่องต้านทาน ป้องกันไม่ให้หลงงมงาย เห็นผิด เพราะมีความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง
คำว่า ลบหลู่ ภาษาบาลีใช้คำว่า มัคคะ หมายถึง ความลบหลู่คุณท่าน ลบหลู่ คือ ลบล้างคุณความดีของคนที่มีความดี นั้นคือการลบหลู่ แต่ถ้าสิ่งนั้นผิด จะให้ถูกไม่ได้ สิ่งผิดก็ต้องผิด ไม่ได้ไปลบหลู่อะไร แต่พูดความจริง สิ่งที่ผิดแล้วกล่าวว่าถูก คนนั้นไม่ตรง พูดไม่จริง เพราะฉะนั้น สิ่งที่ผิดก็ต้องผิด สิ่งที่ถูกก็ต้องถูก การกล่าวให้รู้ความจริงว่าสิ่งนั้นผิด ไม่ได้เป็นการลบหลู่ เพาะสิ่งที่ผิดไม่มีคุณ มีแต่โทษ
ในพระพุทธศาสนาเป็นเรื่องของเหตุผล ความจริง ที่ไม่เชื่อ เพราะความจริงไม่ใช่เป็นอย่างนั้น จึงไม่เป็นการลบหลู่ แต่ปฏิเสธในสิ่งที่ไม่จริง ด้วยความจริงอันเกิดจากปัญญา ความเห็นถูกเป็นสำคัญนั่นเอง ขณะนั้นเป็นกุศลที่เข้าใจถูก จะไม่นำมาซึ่งสิ่งที่ไม่ดี อันเกิดจากความเห็นถูก ที่ปฏิเสธในสิ่งที่เป็นความเชื่อผิด เพราะกุศลย่อมให้ผลในสิ่งที่ดีเท่านั้น
สิ่งใด ไม่ตรงตามความเป็นจริง ไม่เป็นเหตุเป็นผล ไร้สาระ ก็ละควรทิ้ง ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง ไม่ใช่การลบหลู่เลยแม้แต่น้อย จะยึดถือไว้ทำไมในสิ่งที่ผิด เพราะมีแต่จะพอกพูนความติดข้อง ความไม่รู้ และความเห็นผิด ให้มากยิ่งขึ้น ความเข้าใจพระธรรมเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งที่แท้จริง ทำให้รู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด แต่เพราะยังไม่มีความเข้าใจพระธรรมอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง จึงทำให้มีการกระทำในสิ่งผิดๆ และหลงเชื่อในสิ่งผิดอยู่
ถ้าแม้นว่าบุคคลมีความเห็นผิดแม้น้อย ก็คลาดเคลื่อนจากพระสัจธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง ย่อมไม่สามารถเข้าสู่ทางที่ถูกต้อง คืออริยมรรคมีองค์ ๘ ได้ ดังนั้นความเห็นผิดจึงมีโทษมาก
การมีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง ย่อมเป็นโอกาสที่หาได้ยาก เพราะบุคคลผู้ที่แสดงพระธรรม ตรงตามที่พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงนั้นหาได้ยากอย่างยิ่ง เมื่อมีโอกาสได้ฟังแล้ว ย่อมเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับชีวิต เพราะเหตุว่าย่อมจะเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกต้อง ตามความเป็นจริง
     ในชีวิตประจำวันของบุคคลผู้ที่ยังมีกิเลสนั้น   อกุศลย่อมเกิดเป็นส่วนมากกว่ากุศล ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ได้อบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวัน ย่อมไม่มีทางที่จะรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงได้ และเป็นผู้หนาแน่นไปด้วยกิเลสนานาประการ สังสารวัฏก็จะดำเนินต่อไปอย่างไม่มีวันจบสิ้น กล่าวได้ว่าเป็นผู้ไม่มีที่พึ่ง ดังนั้น จึงต้องตั้งใจฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมต่อไป เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกยิ่ง ๆ ขึ้น เพราะที่พึ่งจริง ๆ คือปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูก นั่นเอง.

You may also like

Leave a Comment

ช่องทางติดตามข่าวสาร

Copyright @2024  All Right Reserved – Buddhawisdomfoundation Buddhawisdom

-
00:00
00:00
Update Required Flash plugin
-
00:00
00:00