ชีวิตทั้งหมดที่เกิดมา ค่าอยู่ที่เข้าใจธรรม เพราะว่า เกิดมามีแต่โลภะ ความติดข้อง โทสะ ความโกรธ ความขุ่นเคืองใจ และ กิเลสต่างๆ เหมือนเกิดมาเพื่อเก็บขยะจริงๆ อกุศลทั้งหลายเหมือนขยะ เหมือนเชื้อโรค ก็เก็บไปพอกพูนมากขึ้น แต่ขณะใดก็ตาม ที่เป็นความเข้าใจถูก ความเห็นถูก ขณะนั้น มีค่าที่สุดในชีวิต
เกิดมาควรมีชีวิตอย่างไร
ตราบใดที่ยังเป็นมนุษย์ เป็นโอกาสที่ประเสริฐที่สามารถทำความดีทุกโอกาสและไม่ควรประมาทในความดีเล็กน้อยด้วยเพราะขณะที่กุศลไม่เกิดก็เป็นโอกาสของอกุศล และประโยชน์สูงสุดคือ ความดีที่เป็นความเข้าใจพระธรรม ซึ่งข้อความในสังยุตตนิกาย มหาวารวรรค ปฐมฉิคคฬสูตรที่ ๗ แสดงว่าการเกิดเป็นมนุษย์ยาก อุปมาเหมือนคนโยนแอกซึ่งมีช่องเดียวลงไปในมหาสมุทร เต่าตาบอดที่อยู่ในมหาสมุทรนั้น ล่วง ๑๐๐ ปีถึงจะโผล่ขึ้นคราวหนึ่ง และเมื่อล่วงร้อยๆปี จึงจะโผล่ขึ้นคราวหนึ่งนั้น การที่เต่าจะสอดคอให้เข้าไปในแอกซึ่งมีช่องเดียวนั้นได้บ้าง ก็เฉพาะในบางครั้งบางคราวเท่านั้น
นี่คือความยากของการเกิดเป็นมนุษย์ ส่วนข้อความในทุติยฉิคคฬสูตรที่ ๘ ยิ่งแสดงความยากกว่านั้น โดยอุปมาว่าไม่ใช่แต่มหาสมุทรเท่านั้น แต่มหาปฐพี คือ แผ่นดินระหว่างจักรวาล ก็ยังมีน้ำเต็มหมด เมื่อโยนแอกซึ่งมีช่องเดียวลงแล้ว ลมทิศตะวันออกยังพัดแอกนั้นไปทางทิศตะวันตก ลมทิศตะวันตกก็พัดแอกนั้นไปยังทิศตะวันออก ส่วนลมทิศเหนือก็พัดแอกนั้นไปทางทิศใต้ ส่วนลมทิศใต้ก็พัดแอกนั้นไปทางทิศเหนือ ล่วงร้อยๆปี เต่าจึงจะโผล่ขึ้นมาคราวหนึ่ง ถ้าแอกนั้นยังไม่เน่า และน้ำในทะเลยังไม่แห้ง การที่เต่าจะโผล่ขึ้นมาสอดคอเข้าไปในแอกซึ่งมีช่องเดียวนั้น เป็นการยากยิ่ง ซึ่งข้อความตอนท้ายของพระสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
“ภิกษุทั้งหลาย การได้ความเป็นมนุษย์เป็นของยาก พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจะอุบัติในโลกเป็นของยาก ธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว จะรุ่งเรืองในโลกก็เป็นของยาก”
ขณะนี้พระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า ยังมีอยู่ครบถ้วนในพระไตรปิฎก ควรที่จะศึกษาทำความเข้าใจ เท่าที่จะทำได้ เพาะว่าอาจเป็นโอกาสเดียวในสังสารวัฏก็เป็นได้ การสั่งสมความเข้าใจถูกเห็นถูก ก็เป็นปัจจัยของโอกาสต่อไปในภายหน้าด้วย.