ในขณะที่เป็นกุศลขั้นศีล วิรตีทำหน้าที่งดเว้นจากทุจริตทางกาย วาจา และอาชีพ คือจะต้องมีการงดเว้นจากบาป จึงมีวิรตีเจตสิกเกิดขึ้น ขณะที่เป็นกุศลจิต เช่น ให้ทาน เป็นต้น ขณะนั้นก็ไม่ได้มีการทำทุจริตทางกาย วาจา และอาชีพ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีวิรตีเจตสิกเกิดขึ้น เพราะขณะนั้นไม่มีการงดเว้นจากบาปทางกาย วาจา เพียงแต่คิดจะให้
ศีลที่ประกอบด้วยปัญญา
ศีล ที่เป็นการงดเว้นจากทุจริตทางกาย วาจาและ การประพฤติในสิ่งที่เหมาะสมทางกายและวาจา ก็มีโดยทั่วไปในศาสนาอื่นๆอยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นกุศลศีลที่มีกันได้ แต่สำหรับพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาของผู้รู้ ที่เป็นเรื่องของปัญญาเป็นสำคัญ พระพุทธองค์ทรงแสดงว่า ธรรมไม่ใช่เพียงแค่กุศลศีลที่เป็นเพียงศีลเท่านั้น แต่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงด้วยปัญญาว่า มีหนทางที่จะสามารถละคลายดับกิเลสได้จริง ซึ่งไม่ใช่เพียงขั้นศีลเท่านั้น เพราะ ศีลเป็นเพียงกุศลที่ระงับกิเลสขั้นหยาบที่ล่วงออกมาทางกาย และวาจา แต่พระพุทธองค์ทรงแสดงหนทางดับกิเลส คือ ด้วยปัญญาเท่านั้นที่จะสามารถละคลายกิเลสได้จริง นั่นคือ การเจริญสติปัฏฐาน หรือ อริยมรรคมีองค์ ๘
เพราะฉะนั้นการรักษาศีลที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา ก็มี เช่น ขณะที่ไม่ฆ่าสัตว์ งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ เป็นต้น แต่ไม่ได้มีปัญญาที่รู้ความจริงว่าในขณะนั้นเป็นธรรมไม่ใช่เรา แม้จะรักษาศีล แต่ไม่เข้าใจหนทางการดับกิเลส ก็ไม่สามารถละกิเลสได้
ส่วน ศีลที่ประกอบด้วยปัญญา อันเป็นหนทางที่เป็นไปเพื่อการละกิเลส ดับกิเลสจนหมดสิ้น คือ ขณะใดที่สติปัฏฐานเกิด ระลึกรู้ความจริงของลักษณะของสภาพธรรมในขณะนั้น มีศีล สมาธิและปัญญาด้วย มีศีล คือ อินทรียสังวรศีล ที่เป็นการสังวรด้วยสติ (สติสังวร) เพราะ สังวรก็ชื่อว่าศีล มีสัมมาสมาธิที่เป็น สมาธิและมีปัญญาด้วย คือสัมมาทิฏฐิในขณะนั้น
ดังนั้น หนทางการอบรมปัญญา จึงไม่ใช่การพยายามที่จะทำศีลให้ได้ครบถ้วน เพราะศีลจะไม่บริบูรณ์ครบถ้วนเลย หากปราศจากปัญญา แต่เพราะอาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ปัญญาที่เจริญขึ้นย่อมทำให้ กายและวาจา เป็นไปในทางที่เหมาะสมและศีลที่ไม่ประกอบด้วยปัญญาก็ดีขึ้นด้วย ตามปัญญาที่เจริญขึ้น และที่สำคัญที่สุด การฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมในหนทางที่ถูกต้อง ในเรื่องสภาพธรรม และการเจริญสติปัฏฐาน ย่อมเป็นปัจจัยให้ สติปัฏฐานเกิด ซึ่งขณะที่สติปัฏฐานเกิด ก็มีศีล มีสมาธิ และที่สำคัญ มีปัญญาด้วย เป็นศีลที่ประกอบด้วยปัญญาที่รู้ความจริงว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา ซึ่งเป็นหนทางการดับกิเลสอย่างแท้จริง ต่างจาก ผู้ที่รักษาศีล แต่ไม่เข้าใจหนทางการดับกิเลส หรือ เข้าใจหนทางดับกิเลสผิดไป ศีลนั้นก็ไม่เป็นไปเพื่อรองรับ หรือ เป็นเบื้องต้นของกุศลธรรม ที่จะทำให้กุศลอื่นๆเจริญ มีปัญญา หรือ การเจริญวิปัสสนาเพิ่มขึ้นได้เลย เพราะตั้งอยู่บนรากฐาน คือ ความไม่เข้าใจหนทางในการดับกิเลส แม้จะรักษาศีลอย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถดับกิเลส เพราะขาดปัญญาเป็นสำคัญ สมดังที่พระพุทะเจ้า ว่าในบรรดากุศลธรรมทั้งหลาย เรากล่าวว่า วิชชา หรือ ปัญญา เป็นเลิศ.