Home » มีทางเดียวเท่านั้น

มีทางเดียวเท่านั้น

( Somboon )

by Pakawa

พระธรรม กว้างขวาง ละเอียด ลึกซึ้ง ยากที่จะเข้าใจได้โดยเร็ว ต้องอาศัยเวลาและความอดทน ที่จะศึกษาทำความเข้าใจ การศึกษามากจำมากแต่ไม่เข้าใจ ก็ไม่เป็นประโยชน์ ดังนั้นความเข้าใจที่ถูกต้องแม้น้อยยังดีกว่า และความเข้าใจนั้นสามารถเจริญขึ้นได้

มีทางเดียวเท่านั้น

    พระธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่ละเอียดลึกซึ้งอย่างมาก แม้แต่หนทางการดับกิเลส ที่เป็น อริยมรรค อันเป็น มรรคสัจจะ ข้อที่ ๔ ก็ละเอียดลึกซึ้ง แม้พระพุทธเจ้าก็ต้องบำเพ็ญบารมีมา ๔ อสงไขยแสนกัป กว่าที่จะได้พบหนทาง คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ และปฏิบัติเพื่อบรรลุธรรม ก็ใช้ระยะเวลายาวนาน ต้องอบรมบุญบารมีมามากมาย นับชาติไม่ถ้วน แม้พระอริยสาวก กว่าที่จะบรรลุธรรม ก็ต้องอบรมบุญบารมี มานับชาติไม่ถ้วน กว่าจะบรรลุธรรมได้เช่นกัน ดังนั้น อริยมรรคมีองค์ ๘ ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เป็นธรรมที่ละเอียดลึกซึ้ง บัณฑิตเท่านั้นที่จะรู้ได้ คือ ผู้ที่อบรมปัญญามาแล้ว อย่างยาวนานเท่านั้นที่จะรู้ได้
   ดังนั้น ที่กล่าวว่า ผู้ที่จะปฏิบัติ องค์มรรค คือ หนทางดับกิเลส สามารถปฏิบัติด้วยวิธีง่ายๆ ขอเพียงรู้เท็คนิค ในความเป็นจริงแล้ว เทคนิคไม่มี ทางลัดไม่มี เพราะหนทางที่ถูกต้องที่จะนำไปสู่การเจริญอริยมรรค คือการรู้ความจริงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ก็ต้องอาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมเท่านั้น และต้องใช้ระยะเวลายาวนาน ไม่ว่าใคร ไม่ว่าจะเป็นพระพุทะเจ้า พระอริยสาวก ก็ไม่ได้มีวิธีทางลัด เทคนิคที่ทำให้ปฏิบัติได้เร็ว เพราะ สัตว์โลกสะสมกิเลสมามากจะทำให้เจริญอริยมรรค ที่เป็นธรรมที่ทวนกระแสกิเลสง่ายๆ ย่อมเป็นไปไม่ได้เลย
    ท่านเหล่านั้นก็ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม โดยไม่มีวิธีลัด เทคนิคอะไรเลยที่จะทำให้ง่าย ในการเจริญอบรมปัญญา ข้อความในพระไตรปิฎก แสดงอีกว่า สัจจะเบื้องปลาย คือ อริยมรรค และ พระนิพพาน เห็นได้ยาก เพราะลึกซึ้ง ลึกซึ้งด้วยหนทางการอบรม และ การจะถึงการประจักษ์แจ้ง ดังนั้น จึงไม่ใช่ง่ายเลย หรือ มีเทคนิคที่จะทำให้ปฏิบัติได้ง่ายและเร็ว และ พระองค์ยังแสดงว่า ใครที่จะอบรม อริยมรรค ที่คิดว่าง่าย เปรียบเหมือน เอามือ ที่เรายืนอยู่บนพื้นดินไปจับ พรหมที่อยู่สูงสุดย่อมเป็นไปไม่ได้ ดังข้อความในพระไตรปิฎกที่ว่า 
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๒- หน้าที่ ๓๖๐
  ในสัจจะเหล่านั้น สัจจะ ๒ เบื้องต้น ชื่อว่า ลึกซึ้ง เพราะเห็นได้ยากสัจจะ ๒ เบื้องหลัง ชื่อว่าเห็นได้ยาก เพราะลึกซึ้ง. ความจริง ทุกขสัจปรากฏตั้งแต่เกิดมา ถึงกับกล่าวกันว่าทุกข์หนอ ในเวลาที่ถูกตอและหนามตำเป็นต้น. แม้สมุทัยสัจก็ปรากฏตั้งแต่เกิดมา ด้วยอำนาจอยากเคี้ยว อยากกินเป็นต้น. แต่แม้ทั้งสองสัจจะนั้นก็ชื่อว่าลึกซึ้ง โดยลักษณะ และการแทงตลอด. สัจจะ ๒ นั้นชื่อว่าลึกซึ้ง เพราะเห็นได้ยากด้วยประการฉะนี้. ส่วนความพยายามเพื่อเห็นสัจจะ ๒ นอกนี้ ก็เป็นเหมือนเหยียดมือจับภวัคคพรหม เหยียดเท้าไปต้องอเวจีนรก และเป็นเหมือนเอาปลายขนทราย กับปลายขนทรายที่แยกออก ๗ ส่วนให้จดติดกัน. สัจจะ ๒ เบื้องปลายเหล่านั้น (นิโรธสัจจะ คือพระนิพพาน และมัคคสัจะ หรือ อริยมรรค) ชื่อว่าเห็นได้ยาก เพราะลึกซึ้งด้วยประการฉะนี้.
 พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า นี้ความรู้ในทุกข์ดังนี้เป็นต้นทรงหมายถึงความเกิดญาณอันเป็นส่วนเบื้องต้น ในสัจจะ ๔ ที่ชื่อว่าลึกซึ้งเพราะเห็นได้ยาก และ ที่ชื่อว่าเห็นได้ยากเพราะลึกซึ้งด้วยอำนาจการกำหนด เป็นต้น ด้วยประการฉะนี้. ส่วนในขณะแทงตลอด ญาณ (ปฏิเวธญาณ) นั้นก็มีหนึ่งเท่านั้น.
 เพราะฉะนั้น สิ่งที่พระองค์ทรงตรัสรู้ เป็นสิ่งที่ลึกซึ้งอย่างมาก ดังเมื่อที่พระองค์แรกตรัสรู้ เกิดความน้อมพระทัยที่จะไม่แสดงธรรม เพราะ พระองค์ทรงดำริว่าธรรมที่เราตรัสรู้นั้น ลึกซึ้ง ยากที่สัตว์โลกที่เต็มไปด้วยกิเลสจะเข้าใจได้ จนพระพรหมต้องลงมาอาราธนาธรรมให้แสดงพระธรรมนี่แสดงถึงความลึกซึ้งของพระธรรม โดยเฉพาะหนทางการบรรลุธรรมที่เป็นอริยมรรคมีองค์ ๘ จึงไม่สามารถที่จะไปปฏิบัติด้วยวิธีง่ายๆ ด้วยวิธีลัด หรือ เทคนิคอะไรเลยนอกจากการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมปัญญาอย่างยาวนานนับชาติไม่ถ้วน.

You may also like

Leave a Comment

ช่องทางติดตามข่าวสาร

Copyright @2024  All Right Reserved – Buddhawisdomfoundation Buddhawisdom

-
00:00
00:00
Update Required Flash plugin
-
00:00
00:00