จิต คือ สภาพธรรมที่มีจริง แม้ว่าจะไม่ใช้ชื่อใดๆ เรียกก็ตาม เช่น เห็น ไม่ต้องเรียกชื่อ ไม่ต้องบอกว่านี่คือเห็น แต่ก็กำลังเห็นในขณะที่จิตเห็นเกิดขึ้นเห็น ขณะที่ได้ยินเสียง ไม่ต้องเรียกอะไรทั้งหมด ก็มีสภาพธรรมนั้นปรากฏ แต่ที่ใช้ชื่อก็เพื่อสื่อสารว่ากำลังกล่าวถึง จิต
จิตว่าง
จิต เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นปรมัตถธรรม เป็นสภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ ใจ ก็หมายถึง จิตนั่นเองเป็นความหมายเดียวกัน จิต จึงสามารถใช้ได้หลายคำ ทั้ง มโน มานัส หทัย ปัณฑระ มโน มนายตนะ มนินทรีย์ วิญญาณ วิญญาณขันธ์ มโนวิญญาณธาตุ ก็มุ่งหมายถึง จิต ที่เป็นสภาพรู้ คือ เป็นใหญ่ในการรู้
จิตเป็นสภาพรู้ ดังนั้นเมื่อจิตเกิดขึ้น ก็ต้องมีสิ่งที่ถูกรู้ เรียกว่า “อารมณ์” ดังนั้นจิตจึงไม่ว่างจากอารมณ์ จิตเมื่อใดเกิดขึ้น ก็ต้องมีสิ่งที่ถูกรู้ เรียกว่าอารมณ์เสมอ เช่น จิตเห็น เมื่อเกิดขึ้น ก็ต้องมีสิ่งที่ถูกเห็น คือ สี (วรรณรูป) ดังนั้นจิตจึงไม่ว่างจากอารมณ์เลย แต่ความหมายของ คำว่า ว่าง จริงๆ หมายถึง การว่างจากความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน หรือ สูญจากการมีสัตว์ บุคคล ตัวตน เพราะมีแต่ธรรม ไม่มีเราไม่มีสัตว์ บุคคลเลย ดังนั้น คำว่าว่าง จึงไม่ใช่จิตว่าง
จิตมีอารมณ์ ไม่มีว่างจากอารมณ์ แต่สภาพธรรม มี จิต เจตสิก รูป รวมทั้งนิพพาน ว่างจากการมีสัตว์ บุคคล ตัวตน จิตไม่ได้เป็นสถานที่ ที่จะมีความว่างดั่งอากาศ แต่ จิต มีความว่าง ที่ไม่ได้หมายถึง ไม่มีอะไรเลย แต่ จิต ก็มีอยู่ แต่มีความว่างในตัวของมันเอง คือว่างจากความเป็นสัตว์ บุคคล คือ ไม่มีเรา ที่เป็นจิต แต่เป็นเพียงสภาพธรรมที่เป็นจิต คือ เป็นเพียงธรรมไม่ใช่เรา ว่างจากความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน
เป็นการศึกษาธรรมทีละคำจริง ๆ เมื่อกล่าวถึงคำอะไร ก็ต้องมีความเข้าใจให้ชัดเจนว่า คือ อะไร แม้แต่คำว่า จิต ไม่ใช่คำที่กล่าวลอย ๆ แต่มีความหมายถึงสภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งสิ่งที่จิตรู้ คือ รู้แจ้งอารมณ์ จิตแม้จะมีความหลากหลายโดยอารมณ์บ้าง โดยธรรมที่เกิดร่วมด้วยบ้าง โดยชาติที่เป็นกุศล อกุศล วิบาก กิริยาบ้าง โดยภูมิที่เป็นระดับขั้นต่าง ๆ บ้าง ก็มีลักษณะเพียงอย่างเดียว คือ รู้แจ้งอารมณ์ ดังนั้น เมื่อมีการกล่าวถึง จิตว่าง ก็ต้องเข้าใจให้ถูกว่าเป็นอย่างไร
จิตไม่ว่างจากอารมณ์แน่ ทุกขณะที่เกิดขึ้น ก็ต้องรู้อารมณ์อย่างหนึ่งอย่างใดตามควรแก่จิตประเภทนั้น ๆ แต่ว่างจากความเป็นตัวตน สัตว์ บุคคล เพราะเป็นแต่เพียงธรรมที่มีจริงที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไปเท่านั้น และขณะที่กุศลจิต เกิดขึ้นเป็นไป จิตในขณะนั้นก็ว่างจากอกุศล กล่าวคือ อกุศล เกิดขึ้นไม่ได้ เป็นการพักจากอกุศลชั่วขณะที่กุศลเกิดขึ้นเป็นไป ถ้ามีการอบรมเจริญปัญญาจนกระทั่งสามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น กิเลสใด ๆ ที่ดับได้แล้ว กิเลสประเภทนั้น ๆ ก็ไม่เกิดขึ้นอีกในสังสารวัฏฏ์ เป็นการว่างจากกิเลสนั้น ๆ ได้โดยเด็ดขาด
สำคัญที่ความเข้าใจถูกเห็นถูกจริง ๆ จิตเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะมีอยู่ทุกขณะ ไม่เคยขาดจิตเลย แต่ก็ไม่รู้ถ้ายังไม่ได้ฟัง ไม่ได้ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจว่าเป็นธรรมที่มีจริง ไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้น จึงมีหนทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ตามความเป็นจริง ก็คือการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมอันเป็นคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งจะเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกโดยตลอด.