Home » ความเพียร

ความเพียร

( Somboon )

by Pakawa

คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด  ประมวลไปสู่ความเห็นที่ถูกต้องว่าสิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่งเกิดขึ้นจริง เมื่อเกิดแล้วต้องเป็นอย่างนั้น เปลี่ยนให้เป็นอย่างอื่นไม่ได้ เป็นอย่างนั้นแล้วก็ดับไปแล้วก็ไม่กลับมาอีก เพราะฉะนั้น จึงมีคำว่าอนัตตา, ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตน ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ที่เคยเข้าใจว่าเป็นเรา ก็ไม่ใช่เรา

#ความเพียร

      ความเพียร สภาพธรรมได้แก่ วิริยะเจตสิก เกิดกับจิตเกือบทุกประเภท แม้ในขณะที่อกุศลจิตเกิดก็มีความเพียรแล้ว เพียรเป็นไปในอกุศล  แม้ในขณะที่กุศลจิตก็มีความเพียรแล้ว เพียรเป็นไปในกุศล เพราะฉะนั้น ในขณะนี้ โดยไม่รู้ตัวเลย มีความเพียรเกิดอยู่ ที่เป็นวิริยะเจตสิก ไม่ต้องทำความเพียรก็มีความเพียรเกิดแล้ว เกิดกับจิตเกือบทุกขณะ จึงไม่มีเรา ไม่มีตัวตนที่จะทำความเพียร ให้ความเพียรเกิดขึ้นเลย
     สำหรับความเพียรที่เป็นไปในการอบรมเจริญสติปัฏฐาน ที่เป็นหนทางบรรลุนั้น ต้องเป็นความเพียร ที่เป็นไปกับกุศลที่ประกอบด้วยปัญญา เพียรที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ และประการที่สำคัญ ขณะที่สติปัฏฐานเกิดขึ้น วิริยะเจตสิกที่เกิดขึ้นแล้ว พร้อมด้วยโสภณธรรมอื่น ๆ มีศรัทธา หิริ โอตตัปปะ รวมถึงสติและปัญญาด้วย ในขณะนั้นก็เป็นไปเพื่อกำจัดความติดข้อง กำจัดความขุ่นเคืองใจ เป็นการเผาผลาญกิเลส เพราะขณะนั้นจิตเป็นกุศลที่ประกอบด้วยปัญญา กิเลส อกุศลธรรมไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย
      สำคัญที่สุด หากมีความเพียร แต่ไม่มีปัญญา ก็เป็นความเพียรผิด ที่เพียรไปในทางอกุศลธรรมก็ได้ สำคัญคือจะต้องมีปัญญา ความเข้าใจถูก เพราะอาศัยปัญญาก็ทำให้มีความเพียรที่ถูกต้อง ที่เรียกว่า สัมมาวายามะ เพราะอาศัย สัมมาทิฏฐิ ที่เป็นความเห็นถูก เป็นสำคัญ
    เพราะฉะนั้นบุคคลในสมัยพุทธกาล ท่านสะสมปัญญามาด้วย มีความเพียรที่ถูกต้องพร้อมปัญญา และผู้นั้นสะสมอุปนิสัยที่มากไปด้วยความเพียร แต่เข้าใจหนทางถูกแล้ว จึงปฏิบัติตามอัธยาศัยของท่าน มีการเดินจงกรม จนเท้าแตก ไม่นอนทั้งคืน เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องของอุปนิสัยและความเข้าใจถูก แต่ก็มีบุคคลจำนวนมากที่บรรลุธรรมโดยไม่ได้ทำการเดินจงกรม ไม่นอนทั้งคืน เช่น ท่านพระพาหิยะ นางวิสาขาและบุคคลอื่นๆ อีกมากมาย โดยท่านเหล่านั้นฟังธรรม และก็บรรลุธรรม ขณะนั้นก็มีความเพียรแล้ว ในขณะที่เข้าใจ ประจักษ์แจ้งตามความเป็นจริง เพราะ มีวิริยะเจตสิก ที่เป็นสัมมาวายามะ ที่เกิดร่วมกับปัญญา โดยไม่ต้องไปทำความเพียร แต่มีความเพียรที่เป็นธรรมไม่ใช่เรา เกิดกับปัญญา 
     ไม่ว่าจะกล่าวถึงอะไร ก็ไม่พ้นไปจากธรรมเลย แม้แต่ที่กล่าวถึงความเพียร ก็ไม่พ้นไปจากธรรม เพราะเป็นสภาพธรรมที่มีจริง ๆ ไม่มีตัวตนที่ไปทำความเพียร เพราะความเพียรเป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่มีใครบังคับบัญชาได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะเพียรไปทางใด ระหว่างเพียรถูก กับเพียรผิด ซึ่งเป็นไปตามการสะสม ของแต่ละบุคคลจริง ๆ
     สำหรับในชีวิตประจำวัน ที่จะเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล คือความเพียรที่เป็นไปกับการศึกษาพระธรรมฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญา พร้อมทั้งเจริญกุศลทุก ๆ ประการ เพื่อขัดเกลากิเลสในชีวิตประจำวัน เป็นความเพียรที่ควรประกอบ ควรอบรมให้มีขึ้นเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งจะคล้อยไปสู่การดับกิเลส พ้นจากทุกข์ได้ในที่สุด.

You may also like

Leave a Comment

ช่องทางติดตามข่าวสาร

Copyright @2024  All Right Reserved – Buddhawisdomfoundation Buddhawisdom

-
00:00
00:00
Update Required Flash plugin
-
00:00
00:00