Home » ความเบื่อหน่าย

ความเบื่อหน่าย

( Somboon )

by Pakawa

ความเบื่อหน่ายต้องเป็นเรื่องของปัญญาที่เข้าใจถูก ไม่ใช่ด้วยความเบื่อด้วยอำนาจของโทสะ ไม่ใช่ด้วยความเดือดร้อนกระวนกระวายใจไม่สบายใจ ที่ไม่ชอบ ถ้าเริ่มต้นจากความไม่รู้ แล้วไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ โดยที่เข้าใจผิดว่ารู้แล้ว ถูกต้องแล้ว ก็มีแต่จะสะสมความไม่รู้ สะสมความเห็นผิดมากยิ่งขึ้น พอกพูนอกุศลให้มีมากขึ้น

ความเบื่อหน่าย

“ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับเห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรูป แม้ในเสียง แม้ในกลิ่น แม้ในรส แม้ในโผฏฐัพพะ แม้ในธรรมารมณ์ เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด เพราะ คลายกำหนัด จึงหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว… ฯ”
เป็นธรรมดาของปุถุชน ที่ยังมีกิเลส เมื่อประสบกับอารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าพอใจ หรือไม่เป็นไปตามความต้องการ บ่อยๆ เนืองๆ ก็เกิดความเบื่อหน่าย อยากที่จะพ้นไปจาก สภาพนั้น หรือแม้แต่ได้สิ่งที่เคยรักเคยพอใจ นานๆ เข้าก็เบื่อ อยากได้สิ่งอื่นอีก สิ่งที่เคยหวังเคยต้อวการในสมัยหนุ่มสาว แต่ยังไม่สมหวัง พออายุมากแล้ว ก็เกิดอาการหมดหวังหรือสิ้นหวัง จีงเกิดการเบื่อหน่าย อย่างนี้เป็นความเบื่อหน่ายที่เป็น อกุศล ซึ่งเกิดกับโทสมูลจิต ไม่ใช่ความความเบื่อหน่ายที่เป็นความรู้ความเข้าใจที่ถูก
ความเบื่อหน่ายมี ๒ ประเภท คือ เบื่อด้วยโทสะ ๑ เบื่อด้วยญาณ ๑ ผู้ที่มีปัญญาเห็นสังขารตามความเป็นจริงว่าไม่งาม ไม่เที่ยง แปรปรวนไม่มีสาระ ไม่น่ายินดีจึงเบื่อหน่าย
ความเบื่อหน่ายที่เป็นกุศล องค์ธรรม คือ ปัญญาที่รู้ตามความเป็นจริง แต่ไม่ใช่ความเบื่อหน่ายที่เป็นโทสะ ไมชอบใจในความไม่สบาย เจ็บป่วยของร่างกาย เป็นต้น แต่เห็นตามความเป็นจริง ที่เป็นวิปัสสนาญาณ เบื่อหน่ายในขันธ์ เพราะเห็นถึงลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริงในขณะนั้นด้วยปัญญาระดับสูง จึงเบื่อหน่ายด้วยปัญญา และถึงการดับกิเลสด้วยวิปัสสนาญาณขั้นอื่นๆ เกิดขึ้น เพราะฉะนั้น จึงไม่พ้นไปจากเรื่องของปัญญาเป็นสำคัญ หากไม่มีปัญญา ตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว ก็สำคัญ ความเบื่อหน่าย ด้วยความเป็นเราไม่รู้ว่าเป็นแต่เพียงธรรมที่เป็นไป
การสะสมปัญญาที่จะถึงความเบื่อหน่ายที่เป็นปัญญาระดับสูง จึงต้องเริ่มจากการฟังพระธรรมให้เข้าใจ ปัญญาที่เกิดขึ้น จึงเป็นไปตามลำดับไม่ข้ามขั้น ไม่มีตัวตนที่จะทำให้เบื่อหน่าย แต่เมื่อปัญญาถึงพร้อม ความเบื่อหน่ายย่อมเกิดขึ้น ในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ เพราะหากเบื่อหน่ายตัวเอง เบื่อหน่ายร่างกายที่สำคัญว่ามีร่างกายอยู่ ก็ไม่มีทางที่จะพ้นจาก กรง คือ ความเห็นผิด ที่สำคัญว่ามีเรา มีร่างกายที่สมมติบัญญัติได้เลย
ดังนั้น เบื่อหน่ายแล้วไม่ได้เกิดปัญญาที่รู้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ก็เป็นความเบื่อหน่ายที่เกิดพร้อมกับความไม่รู้ และ ก็ไม่รู้ต่อไป จนกว่าจะเข้าใจว่าเดินหนทางผิดอยู่ ที่ไม่เข้าใจความเบื่อหน่ายที่เกิดขึ้นว่าเป็นเรื่องของปัญญา หนทางที่ถูก คือ ฟังพระธรรมต่อไป แล้วเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปกติ แม้ความเบื่อหน่ายด้วยความไม่รู้นั้นก็เป็นธรรมไม่ใช่เรา
ความเบื่อหน่ายต้องเป็นเรื่องของปัญญาที่เข้าใจถูก ไม่ใช่ด้วยความเบื่อด้วยอำนาจของโทสะ ไม่ใช่ด้วยความเดือดร้อนกระวนกระวายใจไม่สบายใจ ที่ไม่ชอบ ถ้าเริ่มต้นจากความไม่รู้ แล้วไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ โดยที่เข้าใจผิดว่ารู้แล้ว ถูกต้องแล้ว ก็มีแต่จะสะสมความไม่รู้ สะสมความเห็นผิดมากยิ่งขึ้น พอกพูนอกุศลให้มีมากขึ้น เพราะเหตุว่า พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษา เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏตามความเป็นจริง ไม่ใช่เพื่อความไม่รู้ ผู้ที่ได้ฟังได้ศึกษาเท่านั้นถึงจะเข้าใจไปตามลำดับ แต่ถ้าไม่ได้ฟัง ไม่ได้ศึกษาเลย ย่อมไม่มีทางที่จะเข้าใจ
สำคัญที่ความเข้าใจถูกเห็นถูกตั้งแต่ต้นจริงๆ ควรอย่างยิ่งที่จะได้เริ่มต้นที่การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ เพราะธรรมมีจริงๆ ในขณะนี้ มีจริงๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องไปแสวงหาธรรมที่ไหน สำคัญที่ความเข้าใจถูกเห็นถูกอย่างแท้จริงเท่านั้น.

You may also like

Leave a Comment

ช่องทางติดตามข่าวสาร

Copyright @2024  All Right Reserved – Buddhawisdomfoundation Buddhawisdom

-
00:00
00:00
Update Required Flash plugin
-
00:00
00:00