Home » โลกธรรม

โลกธรรม

( Somboon )

by Pakawa

สิ่งที่เป็นสาระเป็นประโยชน์ที่สุด ไม่ใช่ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข หรือความติดข้องในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข แต่เป็นความเข้าใจความจริง ยามยาก ยามลำบาก ยามทุกข์ใจ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุขช่วยไม่ได้ แต่ความเข้าใจธรรมะ ไม่ว่ากำลังเป็นทุกข์ เจ็บไข้ได้ป่วย หรือได้รับภัยพิบัติต่างๆ ขณะนั้นปัญญาสามารถเข้าใจความจริงในขณะนั้นได้ จนถึงที่สุดว่า ทุกอย่างไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร ทั้งหมดก็เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ดังนั้นก็ต้องเข้าใจความจริง โดยอบรมปัญญา เจริญกุศลในขณะที่มีชีวิตอยู่

#โลกธรรม

     โลกธรรม คือ ความเป็นธรรมดาของโลก ที่จะต้องเป็นอย่างนี้เป็นธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบันและอนาคต ซึ่งโลกธรรม มี ๘ ประกอบด้วย ลาภ ๑ ความเสื่อมลาภ ๑ ยศ ๑ ความเสื่อมยศ ๑ นินทา ๑ สรรเสริญ ๑ สุข ๑ ทุกข์ ๑
     โลกธรรม หมายถึง ความเป็นธรรมดาของโลกที่ต้องเป็นไป คือ มีสุข ทุกข์ สรรเสริญ นินทา เป็นต้น ซึ่ง โลกธรรม ๘ ย่อมหมุนไปตามโลก โลกยอมหมุนไปตามโลกธรรม ๘ หมายถึง ธรรมดาของโลก คือ สุข ทุกข์ สรรเสริญ นินทา แม้พระพุทธเจ้า ก็ไม่ทรงพ้นจากโลกธรรม เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่าหมุนไปตามโลก และ โลกย่อมหมุนไปตามโลกธรรม คือ สัตว์โลก ย่อมถูกโลกธรรมติดตามไป หมุนไปตามไปเสมอ เพราะเป็นสัจจะความจริง ที่จะต้องคู่กันไปอย่างนี้ จนกว่า จะไม่เกิดอีกเลย
เข้าใจลักษณะของสภาพธรรม โดยพระธรรมที่ทรงแสดง เช่น เรื่องของ “โลกธรรม” เพราะอะไรทุกคนถึงได้ขวนขวายต้องการโลกธรรมฝ่ายดี ถ้าไม่ใช่เพื่อตัวเอง เพราะว่ามีความยึดมั่นในความเป็นตัวตนอย่างมาก เพราะฉะนั้นจึงเห็นว่า ลาภก็ดี ยศก็ดี สรรเสริญก็ดี  สุขก็ดี เป็นเรา เพราะฉะนั้นจึงขวนขวาย แต่ถ้ารู้ว่า ไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นก็เห็นว่า ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข หรือว่า เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์  เป็นของธรรมดา และถ้าสามารถรู้จนกระทั่งว่า เป็นเพียงชั่วขณะจิตเดียว ตัวตนอยู่ที่ไหน ไม่มีเลย หลงยึดถือสิ่งที่เกิดดับว่าเป็นเรา ว่าเป็นตัวตน ต่อเมื่อใด ปัญญาเจริญขึ้น คลายความยึดถือสภาพธรรมที่เกิดดับ และรู้ว่าไม่ว่าจะเป็นธรรมฝ่ายใดก็เป็นแต่เพียง นามธรรมและรูปธรรม ที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เมื่อเกิดแล้ว ดับแล้ว เราจะอยู่ที่ไหน เราชั่วขณะเดียวที่ได้ยิน เมื่ออยู่ที่ไหน ก็ไม่มี 
     เพราะฉะนั้นถ้าสามารถจะคลายความเป็นตัวตนได้ ก็จะเข้าใจว่า แม้ธรรมที่เป็น “โลกธรรม” ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง ก็เกื้อกูล ในการที่จะคลายการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนได้
     บุคคลผู้ที่เกิดมามีชีวิตอยู่ในวัฏฏะที่ยังเป็นไปกับโลก ย่อมประสบกับธรรมประจำโลกหรือโลกธรรม โลกธรรมในส่วนที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าชอบใจ เช่น เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ถูกนินทา เป็นต้นนั้น เป็นธรรมประจำโลก ซึ่งมีทุกยุคทุกสมัย แม้แต่พระผู้มีพระภาคเจ้าซึ่งเป็นบุคคลผู้ประเสริฐที่สุด เลิศที่สุดในโลก พระองค์ยังไม่พ้นการถูกว่าร้าย ที่สำคัญเราไม่สามารถไปแก้หรือไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่สามารถเข้าใจความจริงได้ โดยมีรากฐานที่สำคัญคือการมีโอกาสได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เมื่อประสบกับโลกธรรมฝ่ายที่ไม่น่าปรารถนาไม่น่าใคร่ไม่น่าพอใจ ก็ไม่เศร้าโศกเสียใจ เพราะได้เข้าใจความจริง หรือเมื่อประสบกับโลกธรรมฝ่ายที่น่าปรารถนาน่าใคร่น่าพอใจ เมื่อมีความเข้าใจตามความเป็นจริง ก็ย่อมไม่หลงระเริง ไม่มัวเมากับลาภ ยศ สรรเสริญ และสุข ที่เกิดขึ้น ไม่ตกเป็นทาสของสิ่งเหล่านี้.

You may also like

Leave a Comment

ช่องทางติดตามข่าวสาร

Copyright @2024  All Right Reserved – Buddhawisdomfoundation Buddhawisdom

-
00:00
00:00
Update Required Flash plugin
-
00:00
00:00