Home » รักษาจิต

รักษาจิต

( Somboon )

by Pakawa

การมีชีวิตที่ประเสริฐ คือ มีชีวิตอยู่เพื่อเข้าใจพระธรรม เข้าใจความจริง มีชีวิตอยู่เพื่อปัญญาปรากฎ ปัญญานำไปในกิจทั้งปวงที่เป็นกุศล จึงชื่อว่ามีปัญญารักษาจิตไม่ให้ตกไปในอกุศล

รักษาจิต

     จิตเป็นสภาพธรรมที่มีจริง ทำหน้าที่รู้อารมณ์ แต่เมื่อจิตเกิดขึ้น ก็ต้องมีเจตสิกเกิดร่วมด้วยเสมอ ซึ่งเจตสิกนี้เอง ที่มีทั้งเจตสิกฝ่ายที่ดี และ เจตสิกที่ไม่ดี ที่เป็นกิเลส เป็นอกุศล ซึ่งโดยทั่วไปของปุถุชน จึงมีเจตสิกที่เป็นกิเลส เกิดกับจิตเป็นส่วนใหญ่ทำให้เป็นจิตที่ไม่ดี เป็นจิตที่เป็นอกุศล คืออกุศลจิต มีจิตที่เป็นโลภะ จิตที่เป็นโทสะ จิตที่เป็นโมหะ เป็นต้น
เพราะฉะนั้น จิตที่ไม่ดี ที่เป็นอกุศลเกิดขึ้นพระพุทธเจ้าทรงแสดง การรักษาจิต การรักษาจิต ไม่มีตัวเราที่จะรักษา ไม่มีตัวเราที่จะพยายามจะรักษาอีกเช่นกัน เพราะมีแต่ธรรมไม่ใช่เรา ที่เป็น จิต เจตสิกที่เกิดขึ้น ดังนั้น การรักษาจิต ก็ต้องเป็นหน้าที่ของธรรม ที่เป็นเจตสิก เป็นเจตสิกฝ่ายดีที่เกิดขึ้นนั่นเอง เป็นธรรมที่จะรักษาจิต รักษาจิตไม่ให้เป็นไปในอกุศลธรรม แต่เกิดจิตที่ดี ที่เป็นกุศลธรรมแทน ชื่อว่ารักษาจิต ดังนั้นธรรมที่รักษาจิตไม่ให้เป็นอกุศล แต่เป็นกุศลคือ สติและปัญญา และรวมทั้ง เจตสิกฝ่ายดีประการอื่นๆ มี หิริ โอตตัปปะ เป็นต้น
     การจะรักษาจิตได้ ธรรมที่เป็นหัวหน้า เป็นใหญ่ที่จะทำให้รักษาจิตได้ คือ ปัญญา ความเห็นถูกนั่นเอง เมื่อมีปัญญาความเห็นถูก ย่อมคิดชอบ และทำให้มีการกระทำทาง กาย วาจาที่ชอบ ระลึกชอบ ซึ่งขณะที่อกุศลจิตเกิดขึ้น เมื่อมีปัญญา ปัญญาเกิด รักษาจิตในขณะนั้น ให้เป็นกุศล รักษาไม่ให้เป็นอกุศลในขณะนั้น และสติเป็นเครื่องกั้นกระแสของกิเลส ก็ช่วยรักษาจิตในขณะนั้นด้วย
หนทางเดียวที่จะค่อย ๆ รักษาจิตที่เต็มไปด้วยกิเลสให้ค่อย ๆ ละคลายเบาบางลง ก็ด้วยการสะสมกุศลในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ เมื่อมีปัญญามากขึ้นก็จะปรุงแต่งให้คิด พูดและกระทำในสิ่งที่ดีมากยิ่งขึ้นจนกว่าจะมีปัญญาคมกล้าสามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น จนกว่าจะดับได้อย่างหมดสิ้นไม่มีเหลือ เมื่อถึงความเป็นพระอรหันต์ กิเลสที่ดับได้แล้ว จะไม่เกิดขึ้นทำร้ายหรือเสียดแทงจิตใจอีกเลย
     ดังนั้นจึงไม่มีเราที่จะพยายามรักษา แต่เพราะอาศัยการอบรมปัญญา ปัญญาเจริญขึ้นก็ทำให้เกิดจิตที่ดี ก็ช่วยรักษาจิตในขณะนั้นไม่ให้เป็นอกุศล เป็นกุศลจิตแทน
การฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมเพื่อความเข้าใจ เพื่อละความไม่รู้ ฟังเพื่อเพิ่มพูนความรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน เป็นการอบรมเจริญปัญญา ความรู้ในสภาพธรรมตามความเป็นจริง ทีละเล็กทีละน้อย เมื่อมีความรู้ความเข้าใจในพระธรรมมากขึ้น ปัญญาเจริญมากขึ้น ปัญญานั่นเองจึงทำกิจของปัญญา รักษาจิต.

You may also like

Leave a Comment

ช่องทางติดตามข่าวสาร

Copyright @2024  All Right Reserved – Buddhawisdomfoundation Buddhawisdom

-
00:00
00:00
Update Required Flash plugin
-
00:00
00:00