ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการสะสมความเข้าใจให้แจ่มเจ้งขึ้นว่า ธรรมคืออะไร เกิดดับว่างเปล่าจากความเป็นตัวตน สัตว์ บุคคล เรา เขา อย่างไร เพื่อจะได้เริ่มทำความเพียร ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ทันที เหมือนรีบดับไฟที่กำลังไหม้ที่ศีรษะ
#ชีวิตไม่แน่นอน
พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ว่า ชีวิตไม่แน่นอน เหมือนภาชนะดินที่พร้อมจะแตกทำลายได้ตลอดเวลา ความตายเท่านั้นแน่นอน คนเราเกิดมาเท่าไรก็ตายเท่านั้น ไม่มีใครเกิดแล้วไม่ตาย ได้ยินอย่างนี้ซ้ำ ๆ และก็คิดว่าเข้าใจแล้ว แต่ตามความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น เราไม่เชื่อเลยว่า ชีวิตไม่แน่นอน ความตายแน่นอน เราเชื่ออย่างมั่นคงว่า ชีวิตแน่นอน แต่ความตายไม่แน่นอน เพราะทุกขณะคิดแต่ว่า ต่อไปจะได้อะไร จะทำอะไรให้สนุกสนาน มีความสุข ตื่นเช้าในแต่ละวันก็คิดว่า จะกินอะไรดี จะไปไหน จะซื้ออะไร ถ้าไม่คิดอย่างนี้ก็วิตกกังวลว่า อะไรจะหายไป จะหมดไป จะพลัดพรากจากบุคคลที่รัก ทำอย่างไรสุขภาพตนเองจะแข็งแรง เป็นหนุ่มสาวตลอดไป ขอแก่ช้า ๆ ไม่เจ็บไม่ป่วย อายุยืนยาว เห็นคนอื่นตายก็รู้ว่าเป็นธรรมดาที่เป็นอย่างนั้น แต่เรายังไม่ตาย ชีวิตเรายังอยู่ ยังแน่นอนที่จะได้ทำอย่างนั้น ทำอย่างนี้ นี่คือทะเลาะกับพระพุทธเจ้า ไม่เชื่อคำของพระองค์เลย ที่ท่านทรงแสดงไว้ใน พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ หน้า ๒๖ ว่า
“อายุของมนุษย์ทั้งหลายน้อย คนดีควรดูหมิ่นอายุนั้นเสีย ควรประพฤติดุจคนที่ถูกไฟไหม้ศีรษะ ฉะนั้น การที่มัจจุ (ความตาย) จะไม่มาถึงนั้น จะไม่มีเลย”
เพราะจิต เจตสิก รูปเกิดดับตลอดเวลา คือ ตายทุกขณะ ชีวิตจึงเป็นเพียงชั่วขณะที่ปรากฏเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นขณะที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก เกิดปรากฏให้รู้แล้วก็ดับไป จึงควรระลึกสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ตามความเป็นจริงเหมือนดับไฟที่กำลังไหม้ศีรษะทันที แต่เมื่อยังไม่เข้าใจว่า สภาพธรรมอะไรปรากฏ จึงไม่สามารถระลึกรู้ได้ ซึ่งก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องสะสมเหตุปัจจัย คือ ฟังพระธรรมให้เข้าใจเพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง
ดังนั้น มีชีวิตอยู่เพื่อเข้าใจว่า ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการสะสมความเข้าใจให้แจ่มเจ้งขึ้นว่า ธรรมคืออะไร เกิดดับว่างเปล่าจากความเป็นตัวตน สัตว์ บุคคล เรา เขา อย่างไร เพื่อจะได้เริ่มทำความเพียร ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ทันที เหมือนรีบดับไฟที่กำลังไหม้ที่ศีรษะ
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสพระคาถาว่า “ศรัทธาเป็นทรัพย์เครื่องปลื้มใจอันประเสริฐที่สุดของบุรุษในโลกนี้ ธรรมที่บุคคลประพฤติดีแล้ว ย่อมนำความสุขมาให้ สัจจะแลเป็นรส ยังประโยชน์ให้สำเร็จกว่ารสทั้งหลาย นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่าชีวิตของบุคคล ผู้เป็นอยู่ด้วยปัญญา ประเสริฐสุด”.
#ธรรมะวันปีใหม่
วันคืนก็ผ่านไปเรื่อยๆ จากวันเป็นเดือน เป็นปี จากปีเก่าสู่ปีใหม่ อายุเพิ่มขึ้น แต่วันเวลาที่จะมีชีวิตอยู่กลับน้อยลง แล้วอะไรจะเป็นสาระสำคัญในการมีชีวิตอยู่
ในชีวิตประจำวัน สิ่งที่เป็นสาระที่สำคัญที่สุด คือความเข้าใจพระธรรม ผู้ที่ได้สะสมเหตุที่ดีมาแล้ว เห็นประโยชน์ของความเข้าใจพระธรรม จึงฟังพระธรรมด้วยความตั้งใจเพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามพระธรรม บุคคลผู้ที่ได้ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมเป็นปกติบ่อย ๆ เนือง ๆ ไม่ขาดการฟังย่อมเป็นเหตุให้ความเข้าใจเจริญขึ้น ขณะที่เกิดความเข้าใจ ขณะนั้น เป็นกุศล เมื่อมีความเข้าใจเจริญขึ้นไปตามลำดับ ย่อมจะทำให้รู้จักตัวเองตามความเป็นจริงมากขึ้น
สำหรับท่านที่ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม แล้วก็น้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมทีละเล็กทีละน้อย ทุกๆ วัน จากวันไปสู่เดือน จนกระทั่งถึงปี ควรที่จะได้พิจารณา หรืออาจจะรู้สึกด้วยตัวของตัวเองว่า ในปีหนึ่งๆ ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมเพิ่มขึ้นได้มากน้อยแค่ไหน ควรที่จะเพิ่มขึ้นใช่ไหม
แม้ความเข้าใจ เข้าใจสิ่งที่ได้ฟัง ซ้ำแล้วซ้ำอีก พิจารณาซ้ำแล้วซ้ำอีก สติระลึกที่ลักษณะของสภาพธรรมบ้างไหม คือทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ แล้วแต่ว่า สติปัฏฐานนั้นจะมีปัจจัยเกิดขึ้น ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมใดบ่อยๆ เนืองๆ โดยที่ไม่บังคับ เพราะฉะนั้น ก็ควรที่จะพิจารณาว่า ได้มีการประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน เพิ่มความเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมเพิ่มขึ้นบ้างไหม เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ อะไรก็ตามที่จะเตือนให้ได้พิจารณาธรรม แม้แต่ว่าจะเป็นวัน เดือน ปีที่ผ่านไปแล้ว ก็ชาวโลกนิยมนับถือกันว่า ปีใหม่และปีเก่าก็ตาม แต่ว่าสำหรับผู้ที่ศึกษา ปฏิบัติธรรม ก็ยังอาศัยเหตุนั้นเป็นเครื่องระลึกได้ว่า ได้มีความเข้าใจสภาพ เพิ่มขึ้นแล้วมากน้อยแค่ไหน เพราะเหตุว่า คำว่า พหุสูตร คือผู้ที่ฟังพระธรรมแล้วเข้าใจอรรถของพระธรรม ถึงแม้จะเป็นผู้ที่ฟังน้อย เพราะเหตุว่าคงจะมีส่วนมากทีเดียวที่ไม่ได้ศึกษาพระไตรปิฎกจบ ทั้งอรรถกถาและฎีกา แต่ว่าเป็นผู้ที่พิจารณาข้อความที่ได้ฟังแม้น้อย โดยที่ไม่ผ่านไป ก็ย่อมมีความเข้าใจเพิ่มขึ้น
ดังนั้น จึงต้องฟัง ต้องศึกษาพระธรรมด้วยความอดทน ด้วยความละเอียด รอบคอบ ต่อไป เพราะบุคคลผู้ที่เข้าใจพระธรรมเท่านั้น จึงจะได้สาระจากพระธรรม และชีวิตก็จะมีสาระมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นไปกับด้วยกุศลธรรม มีความเข้าใจถูกเห็นถูกเพิ่มขึ้น รู้ถึงสิ่งที่ไม่เป็นสาระ และเป็นสาระตามความเป็นจริง แล้วงดเว้นสิ่งที่ไม่เป็นสาระคืออกุศลทั้งหลาย พร้อมทั้งสะสมสิ่งที่เป็นสาระยิ่งขึ้น จนกว่าจะถึงความสมบูรณ์ของปัญญาสาระที่สามารถประจักษ์แจ้งพระนิพพานซึ่งเป็นปรมัตถสาระ ดับกิเลสตามลำดับขั้นได้ในที่สุด.