ถ้าชีวิตอยู่ไปแต่ไม่เข้าใจพระธรรม ก็อยู่ไปเพิ่มกิเลส เพิ่มโลภะ เพิ่มความติดข้องและเพิ่มความไม่รู้ต่อไปเรื่อยๆ ยิ่งมีอายุยืนก็สะสมกิเลสมากขึ้นไป แต่การมีชีวิตที่ประเสริฐ คือมีชีวิตอยู่เพื่อเข้าใจพระธรรม เข้าใจความจริง มีชีวิตอยู่เพื่อปัญญาปรากฎ
ชีวิตมีเท่านี้หรือ
ถ้าเราจะพูดกันถึงความสุข ที่เราปรารถนากันอยู่ทุกคนนั้นย่อมไม่พ้นจากอารมณ์ที่น่ายินดีทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจถ้าพิจารณานดูความเป็นมา ของชีวิตในวัยเด็กของบางคนก็จะเห็นว่าความสุขของเด็กคือการได้กิน ได้เที่ยว ได้เล่น ซึ่งก็ไม่พ้นไปจากความยินดีทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ชีวิตต้องอดทน ต่อสู้ เพื่อความเป็นอยู่ โดยเฉพาะ ท่านที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ย่อมจะมีภาระหนักทำให้เหน็ดเหนื่อย ทั้งกายทั้งใจ ผู้ใหญ่บางคน อาจรู้สึกว่า ถ้าได้กลับไปมีชีวิตอย่างวัยเด็กอีก คงดีไม่น้อย
ในช่วงชีวิตที่เป็นนักเรียน ก็คิดว่า เมื่อพ้นจากการเป็นนักเรียนแล้วคิดว่า ทำงานหาเงินใช้ได้เอง คงจะมีความสุข แต่พอได้ทำงานเข้าจริงๆ ก็ประสบปัญหาในเรื่องงาน เกิดท้อใจ อาจจะอยากกลับไปเป็นนักเรียนอีกเมื่อเริ่มทำงาน ก็พอใจกับเงินเดือนขั้นแรกที่ได้รับ ทำๆ ไป ก็เกิดไม่พอใจ อยากได้เงินเดือนเพิ่ม บางคนทำงานไปนานๆ ก็เบื่อ อยากเปลี่ยนงานใหม่บางคนที่เป็นข้าราชการก็อยากเป็นพ่อค้าเพราะคิดว่าทำการค้าคงจะดีกว่า บางคนที่เป็นพ่อค้าทำกิจการไป เกิดขาดทุนขึ้นมา ก็คิดว่า เป็นข้าราชการมีสวัสดิการ และเงินเดือนที่มั่นคง ไม่เสี่ยงกับการลงทุน ขาดทุน ล้มละลาย อย่างนี้เป็นต้น
ท่านเคยถามตัวเองบ้างหรือเปล่าว่า ชีวิตเราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้เท่านั้นหรือ เกิดมาทำงาน กิน นอนหาความเพลิดเพลินจากรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ไปวันๆ แล้วก็ตายไป เท่านั้นเองหรือที่ชีวิตต้องการ
จากหลักธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมทำให้พุทธศาสนิกชนได้พิจารณาเห็นว่าชีวิตนั้นจะไม่สิ้นสุดลงเพียงแค่ความตายในภพนี้ชาตินี้เท่านั้น ตราบใดที่มนุษย์ยังมีกิเลส ตราบนั้น ก็ต้องเวียนเกิดเวียนตายอยู่เรื่อยไป ส่วนจะไปเกิดดี เกิดไม่ดี มีความสุขมากหรือ มีความทุกข์มากนั้นก็ขึ้นอยู่กับกรรม คือ การกระทำของแต่ละคน ในบรรดากรรม คือ การกระทำทั้งหลายนั้นกุศลกรรมเท่านั้น เป็นที่พึ่ง
เมื่อมีความเข้าใจพระธรรมมากขึ้น ก็ย่อมจะอุปการะเกื้อกูลต่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรมประการต่างๆ การศึกษาพระธรรม ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก จึงเป็นกิจที่ควรทำอย่างยิ่ง ประโยชน์สูงสุดของการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกยิ่งขึ้น และเพื่อขัดเกลากิเลส อกุศลของตนเองต่อไป
และที่น่าพิจารณาอีกประการหนึ่ง คือ ชีวิตในภพหนึ่งชาติหนึ่งสั้นมาก ขณะนี้ได้เกิดเป็นมนุษย์ในสุคติภูมิก็เป็นที่พักเพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะในที่สุดแล้วทุกคนก็จะต้องหายไปจากโลกนี้แน่นอน ไม่วันใดก็วันหนึ่ง แต่ในระหว่างที่ยังไม่หายไปนั้น ควรทำอะไร จึงควรอย่างยิ่งที่จะเป็นคนดีและฟังพระธรรมให้เข้าใจ เพราะพี่พึ่งจริงๆ ไม่ใช่บุคคลอื่น ไม่ใช่สิ่งอื่น แต่เป็นกุศลธรรม เท่านั้น.