Home » ชีวิตที่มีค่า

ชีวิตที่มีค่า

( Somboon )

by Pakawa

งานที่สำคัญที่สุดในชีวิตทุกชาติในสังสารวัฏฏ์ ก็คือ งานละกิเลส ด้วยความเข้าใจพระธรรม เพราะฉะนั้น งานอื่นก็ชั่วครั้งชั่วคราวแค่เช้าถึงกลางวันบ่ายถึงเย็น แต่ว่างานนี้ทุกโอกาส และเป็นภาระหนักที่สุดใหญ่ที่สุดยากที่สุดด้วย แต่ถ้าไม่เริ่มทำ  ก็ไม่มีทางที่จะทำงานนี้ได้สำเร็จ แต่งานนี้สำเร็จได้ทีละเล็กทีละน้อยด้วยการเข้าใจพระธรรม

ชีวิตที่มีค่า

    ความเบื่อ ความเหงา ความท้อแท้ ท้อถอย ล้วนเป็นธรรมที่มีจริง แต่เป็นธรรมฝ่ายที่เป็นอกุศลธรรม เป็นจิตที่เป็นอกุศลจิต เป็นโทสะมูลจิต ที่ประกอบด้วยโทสะเจตสิก ที่มีความรู้สึกไม่สบายใจขุ่นใจในขณะนั้น ทำให้จิตใจเศร้าหมอง ไม่ผ่องใส เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย แสดงให้เห็นความเป็นจริงของสภาพธรรมที่ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น แต่ก็ควรที่จะได้พิจารณาว่า ทุกๆ วัน จะมีแต่ ความเบื่อ ความเหงา ความท้อแท้ ท้อถอย ก็ไม่ใช่ เพราะจิตเกิดดับสืบต่อกันอย่างรวดเร็ว ในขณะอื่นที่่ไม่ใช่สภาพธรรมดังกล่าวก็มี อย่างเช่น ในขณะที่เห็น ที่ได้ยิน ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส ได้รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย ไม่เหงา ไม่ท้อแท้ ไม่มีกิเลสใดๆ เกิดขึ้นเลย แต่หลังจากนั้น ก็เป็นไปตามการสะสมของแต่ละบุคคล ขณะที่หลับสนิท ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่เป็นกุศล ไม่เป็นอกุศล โลกนี้ไม่ปรากฏ ในขณะที่หลับสนิท จึงไม่เบื่อ ไม่เหงา ไม่ท้อแท้ ท้อถอย และขณะที่เป็นกุศล ก็ไม่เบื่อ ไม่เหงา ไม่ท้อแท้ท้อถอย เช่นเดียวกัน การเกิดมาเป็นมนุษย์ เป็นสิ่งที่ได้ยากแสนยาก ไม่ว่าจะมีชีวิตอย่างไร ก็ขอให้ได้พิจารณาว่า สิ่งที่มีค่าที่สุด คือกุศลธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูก เมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว มีโอกาสได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจสภาพธรรมไปทีละเล็กทีละน้อย อีกทั้งไม่ประมาทในการเจริญกุศลประการต่างๆ ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท ถ้าเป็นอย่างนี้ได้ย่อมเป็นชีวิตที่มีค่าเป็นอย่างยิ่ง และยังเป็นการสะสมเสบียงเครื่องเดินทางอย่างดีในสังสารวัฏฏ์ จนกว่าจะดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด ไม่มีการเกิดอีกเลยในสังสารวัฏฏ์ “ความเบื่อ ความเหงา ความท้อแท้ ท้อถอย ไม่เกิดประโยชน์ เนื่องจากเป็นอกุศลธรรม ชีวิตยังมีค่า และจะมีค่าก็ต่อเมื่อเป็นไปกับด้วยกุศล ด้วยการเป็นคนดี และ ได้ฟังพระธรรมให้เข้าใจยิ่งขึ้น”
    แสดงให้เห็นตามความเป็นจริงว่า ไม่ว่าจะกล่าวถึงเรื่องใด ก็ไม่พ้นไปจากธรรม ที่สำคัญ ธรรม เป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น จะเรียกชื่อหรือไม่เรียกชื่อ ความเป็นจริงของสภาพธรรม ย่อมไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แม้แต่ที่กล่าวถึง “เบื่อ เหงา ท้อแท้” ขณะนั้น ไม่สบายใจ ไม่มีความแช่มชื่นใจ แต่เป็นสภาพจิตที่ไม่สบายใจ เมื่อไม่สบายใจก็ไม่พ้นไปจากอกุศลจิต ประเภทที่มีโทสะเกิดร่วมด้วย แม้จะเป็นอกุศลที่ไม่มีกำลัง แต่ก็เป็นธรรมที่กั้นหรือไม่ทำให้กุศลธรรมเกิดขึ้นในขณะนั้น
    ที่จะเป็นประโยชน์จริงๆ คือ ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา พิจารณาไตร่ตรองในคำที่ได้ยินได้ฟังเพื่อน้อมไปสู่การเข้าใจความเป็นจริงของสภาพธรรมตามที่ปรากฏ ว่าเป็นธรรมที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ไม่ใช่เรา ขณะที่เข้าใจ ขณะนั้น ไม่เหงา.

You may also like

Leave a Comment

ช่องทางติดตามข่าวสาร

Copyright @2024  All Right Reserved – Buddhawisdomfoundation Buddhawisdom

-
00:00
00:00
Update Required Flash plugin
-
00:00
00:00