โคทั้งตัว ถ้ายังไม่ลอกหนังออก ไม่ตัดชิ้นส่วนต่างๆ ออกก็ยังคงเห็นเป็นโคนอนอยู่ ตราบใดที่รูปทั้งหลายยังประชุมรวมกันอยู่ ก็จำไว้เป็นท่าทาง เป็นอาการใดอาการหนึ่ง และยังคงเห็นว่าสิ่งนั้นเป็นวัตถุ เป็นตัวตน บุคคลอยู่ ต่อเมื่อใดรู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริงเมื่อนั้นจึงจะไม่ยึดถือสภาพธรรม เป็นสัตว์ เป็นบุคค
ฆนสัญญา
ฆนสัญญา เป็นความทรงจำที่จำเป็นกลุ่ม เป็นก้อน คือ คิดนึกเป็นรูปร่างสัณฐาน เช่น ขณะนี้เห็น เพียง สี แล้วก็คิดนึกต่อ เป็นรูปร่างต่างๆ เป็นโต๊ะ เก้าอี้ เป็นกลุ่มก้อนอย่างใด อย่างหนึ่ง ที่สมมติเรียกชื่อว่าเป็นสิ่งหนึ่ง สิ่งใด ซึ่งเกี่ยวข้องกับบัญญัติ
โดยความหมายที่ว่า อาศัย การคึดนึกในรูปร่างสัณฐาน จำว่ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เป็นการนึกถึงรูปร่างสัณฐาน เมื่อมีการนึกคิดเป็นรูปร่างสัณฐานแล้ว ก็มีการจำในรูปร่างเหล่านั้น ที่เป็น ฆนสัญญา ที่ปิดบังความเป็นอนัตตา และทำให้สมมติ เรียกชื่อในสิ่งนั้นว่าเป็นอะไร ก็เป็นบัญญัติในขณะนั้นแล้ว เพราะ บัญญัติคือ สิ่งหมายรู้อันเกิดจาการเกิดขึ้นของ ปรมัตถธรรม ที่เป็น จิต เจตสิก รูป เมื่อมีการนึกคิด เป็นรูปร่างสัณฐาน มีการจำว่ามีรูปร่าง สิ่งหนึ่งสิ่งใด ขณะนั้นก็เป็นบัญญัติแล้ว แม้จะไม่เรียกชื่อ จึงกล่าวได้ว่า มีสัญญาเจตสิก ที่จำ ในอารมณ์บัญญัติเรื่องราวในขณะนั้น ที่เกิดฆนสัญญา ที่จำในอารมณ์บัญญัตินั้นนั่นเอง
ซึ่งหนทางการเจริญอบรมปัญญา ด้วยการรู้ความจริงของสภาพธรรมที่มี ในขณะนี้ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา เพราะขณะนี้ ถูกฆนสัญญา ปิดบังไม่ให้รู้ความจริงที่มีอวิชชา ความไม่รู้ เป็นต้นเหตุ ขณะนี้ เห็นแล้ว เป็นสัตว์ บุคคล เป็นสิ่งหนึ่ง สิ่งใดเพราะ อาศัยการเกิดดับอย่างรวดเร็วของสภาพธรรม และ เมื่อเห็นแล้วนึกคิด ทรงจำเป็นรูปร่าง สัณฐาน ขณะนั้นก็เป็นบัญญัติแล้ว เป็นฆนสัญญาด้วย มีการทรงจำในเรื่องราวที่เป็นบัญญัตินั้น จนกว่าสติปัฏฐานจะเกิด รู้ความจริงของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ในแต่ละลักษณะ ขณะที่ลักษณะของสภาพธรรมปรากฎ ขณะนั้น ไม่มีรูปร่างสัณฐาน ไม่มีเรืองราว ไม่มีการจำ ในเรื่องราว ที่เป็นฆนสัญญา แต่มีการจำใหม่ที่เกิดพร้อมกับปัญญา คือ อนัตตสัญญา จำว่าไม่มีเรา มีแต่ธรรม เพราะลักษณะของสภาพธรรม ที่แสดงถึงความเป็นอนัตตาปรากฎกับจิตและปัญญาในขณะนั้น ซึ่งก็จะต้องเริ่มจากการฟัง ศึกษาพระธรรม ที่จะเป็นเหตุให้เกิดปัญญา ที่รู้ความจริงได้
ฆนสัญญา ความจำหมายว่าเป็นกลุ่มก้อน ความจำว่าเป็นกลุ่มก้อน เป็นรูปร่างสัณฐานต่างๆ นั้น เป็นในขณะที่คิดนึกว่า เป็นสิ่งนั้น สิ่งนี้ เป็นคนนั้นคนนี้ ก็ไม่พ้นไปจากบัญญัติ ซึ่งจะเห็นได้ว่า เพราะอาศัยสภาพธรรมที่มีจริงๆ จึงมีบัญญัติ แต่ไม่ได้หมายความว่า ขณะที่มีการรู้ว่าเป็นคนนั้นคนนี้ จำในรูปร่างสัณฐานแล้วจะเป็นอกุศลไปทั้งหมด เพราะเหตุว่า ในขณะที่จิตเป็นกุศลที่รู้ความหมาย รู้บัญญัติ ขณะนั้นมีบัญญัติเป็นอารมณ์แต่ไม่เป็นอกุศล แม้แต่พระอริยบุคคล ท่านก็เห็นเป็นคนนั้นคนนี้ ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องว่า ที่เป็นคนนั้นคนนี้ก็เพราะมีสภาพธรรมเกิดขึ้นเป็นไป ท่านรู้ในความเป็นไปตามโวหารของชาวโลก หนทางที่จะเป็นไปเพื่อเพิกถอนฆนสัญญา ก็ด้วยการอบรมเจริญปัญญาระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม ตามความเป็นจริง.