ให้ทราบว่า มีตา หู จมูก ลิ้น กาย สำหรับรู้สิ่งที่ปรากฏ แต่การสะสมที่มีอยู่ในใจ แล้วแต่ว่าขณะนั้นมีปัจจัยที่จะเป็นกุศลหรือเป็นอกุศล ถ้าไม่มีความเข้าใจธรรม ก็เป็นไปตามอกุศลที่ได้สะสมมา แต่ถ้าเริ่มมีความเข้าใจธรรม ความเข้าใจธรรมก็จะเข้าใจในขณะนั้นว่า ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ไม่มีใครสามารถรู้ได้
#ความวิตกกังวล
ความคิดวิตกกังวล ก็ไม่พ้นจากสภาพธรรมที่มีจริง ซึ่งจิตขณะนั้นมีความรู้สึกไม่สบายใจ ก็คือ โทมนัสเวทนา ซึ่งเป็นเวทนาที่เกิดกับอกุศลจิตเท่านั้น ที่เป็นประเภทโทสะ เพราะฉะนั้น ขณะที่วิตกกังวล จึงเป็นจิตที่เป็นโทสะในขณะนั้น
การจะคลายความวิตกกังวล ก็ด้วยกุศลจิตเกิดขึ้น และมีปัญญา เป็นต้น แต่จะคลาย ด้วยความเข้าใจถูก หรือจะคลายด้วย อกุศลอื่นเกิดแทน เช่น ไปเล่นสนุก ขณะนั้นเป็นโลภะ ไม่ใช่โทสะ เป็นแค่การเปลี่ยนอารมณ์ ก็ไม่วิตกกังวลในขณะนั้น เพราะฉะนั้น การเข้าใจถูก หนทางที่จะละกิเลส คือ เข้าใจความจริงในสิ่งที่เกิดแล้วว่า ความวิตกกังวล เป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา และที่สำคัญที่สุด อาศัยการฟังพระธรรมบ่อยๆ ก็ค่อยๆ คิดถูกได้ทีละน้อย แต่ให้รู้ตามความป็นจริงว่าไม่สามารถที่จะห้ามความวิตกกังวลได้ แม้พระโสดาบัน ยังทุกข์ใจ ร้องไห้ มากกมาย เพราะฉะนั้น ก็อาศัยการฟัง ไปทีละน้อย ธรรมจะทำหน้าที่ค่อยๆ คิดถูกตามความเป็นจริง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรม เพื่อให้ผู้ฟังได้พิจารณาไตร่ตรอง เป็นความเข้าใจของผู้ฟังเอง ขอเพียงเป็นผู้เห็นประโยชน์ของการเข้าใจธรรม ซึ่งก็หมายถึงสิ่งที่มีจริงอยู่ในขณะนี้ ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า เป็นธรรม เพราะในการฟังการศึกษาพระธรรมนั้น เป็นการศึกษาเพื่อให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงที่กำลังมีในขณะนี้จริง ๆ ซึ่งตัวสภาพธรรมจริง ๆ นั้น มีลักษณะเฉพาะของตน ๆ มีจริงในชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหน และสามารถที่จะเข้าใจตามความเป็นจริงได้ สิ่งสำคัญ คือการฟังพระธรรมให้เข้าใจ เป็นปัญญาของตนเอง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ นี้แหละคือสิ่งที่เป็นประโยชน์ เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม ไม่ว่าสภาพธรรมใดปรากฏก็สามารถที่จะรู้ตามความเป็นจริงได้ แม้ในขณะที่คิด ก็เป็นธรรม ไม่สามารถที่จะบังคับบัญชาให้คิด หรือไม่ให้คิดได้ ธรรมเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยจริง ๆ แต่เมื่อได้ฟังพระธรรมแล้ว จากที่เคยมากไปด้วยความคิดที่เป็นไปกับด้วยอกุศล เป็นไปด้วยความไม่สบายใจ ก็จะค่อย ๆ คิดถึงพระธรรมที่ได้ยินได้ฟังไตร่ตรองพระธรรม แทนการคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ไม่เกื้อกูลต่อการเจริญขึ้นของกุศลธรรมและปัญญาได้เพราะฉะนั้น จึงสำคัญที่การเริ่มฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ เมื่อความรู้ความเข้าใจค่อยๆ เจริญขึ้นไปตามลำดับ ย่อมเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้กุศลธรรมประการต่าง ๆ เจริญขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน คิดก็คิดดี เมื่อคิดดีแล้ว การกระทำทางกาย และทางวาจา ก็ย่อมจะดีด้วยเหมือนกัน ความเข้าใจพระธรรม จึงเกื้อกูลให้กุศลธรรมทั้งหลายเจริญขึ้นในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง ป้องกันไม่ให้ไปทำอะไรด้วยความเห็นผิดหรือด้วยความไม่รู้ เพราะได้เข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว ปัญหาก็เบาบางลง เพราะปัญหา มาจากอกุศล.