Home » สิ่งที่วิทยาศาสตร์ ไม่รู้ แต่พุทธศาสนาตรัสรู้แล้ว

สิ่งที่วิทยาศาสตร์ ไม่รู้ แต่พุทธศาสนาตรัสรู้แล้ว

by Pakawa

พระพุทธศาสนา เป็นเรื่องของความจริง หรือ คือ สัจจธรรม สิ่งที่มีจรืงทั้งมวลทั้งหลาย พระพุทธศาสนา กล่าวว่า เป็นธรรมะ ดังนั้น พุทธศาสนา ครอบคลุมกว้างกว่าวิทยาศาสตร์ สามารถ ใช้พระพุทธศาสนาอธิบายวิทยาศาสตร์ ได้ทุกกรณี แต่ วิทยาศาสตร์ ไม่สามารถใช้อธิบาย พุทธศาสนาได้หมด อย่างเช่น พระพุทธศาสนา เป็นเรื่องของรูปธรรม กับ นามธรรม แต่วิทยาศาสตร์ไม่รู้ นามธรรม และ รูปธรรม ไม่รู้เรื่องกรรม. เรื่องกิเลส ดังนั้น จึงควรศึกษาพระพุทธศาสนาให้เข้าใจลึกซึ้ง จนจรดเยื่อในกระดูก จะทำให้เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างในสากลจักรวาล มากกว่าวิทยาศาสตร์ และต้องละทิ้งความเห็นผิด ที่ติดมากับวิทยาศาสตร์ หรือ ศาสตร์อื่นๆ เพราะจะทำให้ปัญญาเห็นแจ้งในสัจจธรรมเนิ่นช้าออกไปอีกไม่มีวันสิ้นสุด

อยู่ในธรรมด้วยความฉลาด

พระพุทธศาสนา เป็นเรื่องของความจริง คือ สัจจธรรม

ผู้ปฏิบัติธรรม หรือ ผู้ใช้ชีวิตประจำวัน. ต้องคำนึงถึงแนวทาง ที่ว่า ปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม สมควรแก่ธรรมอย่างไร ก็คือ ปฏิบัติตามธรรมที่ศึกษา พิจารณาไตร่ตรอง มาอย่างดีแล้วว่า เป็นหนทางตามแนวพระพุทธศาสนาจริง มีเหตุมีผล. ไม่งมงาย เชื่อใครง่ายๆ ต้องเข้าใจชัดเจน ว่า สภาพธรรมทั้งหลาย มีเหตุปัจจัยให้เกิด และดับ อย่างรวดเร็ว จนทำให้เห็นว่ายังมีสภาพธรรมนั้น สืบต่อจนกว่ามีเหตุปัจจัยให้สภาพธรรมนั้นเปลี่ยน นี่คือ ความจริง สัจจธรรมในพระพุทธศาสนา.

คนฉลาด คือ ฉลาดในธรรม ไม่ใช่ ฉลาดเพื่อเอาตัวรอด ไม่เข้าใจตามความเป็นจริงว่า สภาพธรรมนั้น ไม่สามารถบังคับบัญชาได้ เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย เมื่อยังไม่มีปัญญา ยังไม่ฉลาดจริงในธรรม ก็คิดว่าต้องทำอย่างนั้นต้องทำอย่างนี้ ก็ได้แต่คิดไปต่างๆนานา ถ้าได้ดังใจก็ยินดี ถ้าไม่ได้ดังใจ ก็ยินร้าย เดือดร้อน ทั้งๆที่เป็นเพียงสภาพธรรม เป็นจิต เจตสิก ที่รับรู้สภาพธรรม เป็นกรรมที่ทำให้รับวิบากนั้น สิ่งที่เป็นได้ คืออยูในกุศลธรรม เข่น ให้ทาน อาจเป็นธรรมทาน อยู่ในศีล ไม่ประพฤฒิทุจริตทางกาย วาจา อบรมเจริญภาวนา คือ ศึกษา หรือ ฟังธรรม เพื่อเจริญปัญญา นี้คือ ผู้อยู่ในธรรมด้วยความฉลาด

ทำความดีอย่างไร แค่ไหน

ทำความดีทุกประการ ตามอัธยาศัยของสัตว์โลก ถ้าสัตว์โลกยังไม่อยากหมดกิเลส พระพุทธเจ้าก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากชี้คุณโทษให้เห็นว่า สิ่งใดเป็นอกุศล สิ่งนั้นก็เป็นโทษ ควรละอกุศล สิ่งใดเป็นกุศลก็เป็นคุณ ควรเจริญกุศลให้มากขึ้น เพราะเหตุว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่แน่นอน ได้รับสิ่งที่เป็นผลดีน่าพอใจ ที่เป็นความสุขนั้นก็ไม่เที่ยง ไม่ว่าจะอยู่ในภพไหน ภูมิไหน

ข้อสำคัญที่สุดคือเราลืม ว่า สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต ไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทองวิชาความรู้ ความก้าวหน้าในกิจการงาน แต่สภาพของจิตใจสำคัญที่สุด ถ้าเราไม่มีความเข้าใจธรรม ถึงแม้ว่าเราจะมีทุกสิ่งทุกอย่าง สิ่งต่างๆ เหล่านั้นก็ไม่สามารถที่จะช่วยให้เรามีความเจริญ ในการที่จะเป็นคนดี และการเป็นคนดี ถ้าไม่เริ่มตั้งแต่ในชาตินี้ ชาติต่อไปจะเป็นอย่างไร

เพราะว่าถ้ามีอกุศลมากๆ บ่อยๆ ก็เหมือนอย่างที่เรามองเห็นตัวอย่างของคนไม่ดี ซึ่งก่อนจะถึงวันนั้น เขาก็จะต้องมีความไม่ดีเล็กๆ น้อยๆ ไม่มากมาย แต่เขาก็ไม่เห็นโทษ เพราะฉะนั้นเมื่อไม่เห็นโทษ และเป็นผู้ประมาท ไม่รู้ทางว่าสามารถที่จะเข้าใจ สิ่งที่ทำให้เขาค่อยๆ ละสิ่งที่ไม่ดี คือ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เห็นค่า เพราะฉะนั้นเขาก็เป็นไปตามกิเลส จนกระทั่งเราเห็นพฤติกรรมขณะนี้ ทุจริตทุกวงการ ทั้งๆ ที่อาจจะมีคนบอกว่า พระพุทธศาสนาของประเทศไทยรุ่งเรือง แต่ความจริง มีคนบอกว่ารุ่งริ่งไม่ใช่รุ่งเรือง สิ่งใดๆ ก็ติดตามไปไม่ได้เลย ร่างกายทั้งหมด ทรัพย์สมบัติทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่างเอาไปไม่ได้ เว้นแต่ดี และชั่ว ที่สะสมอยู่ทุกขณะ ทุกวัน จะติดตามสะสมไป

เพราะฉะนั้นก็ควรจะระลึกถึง พระปัจฉิมวาจา ไม่ประมาท ไม่ประมาทแม้แต่ในการฟังธรรมให้เข้าใจ และในทุกอย่างด้วย ก็เป็นความดีส่วนหนึ่งของผู้ที่ได้เข้าใจพระธรรม เพราะฉะนั้นถ้าเข้าใจพระธรรม ทุกคนก็จะมีความดีเพิ่มขึ้น

You may also like

Leave a Comment

-
00:00
00:00
Update Required Flash plugin
-
00:00
00:00