Home » พระวินัยปิฎก

พระวินัยปิฎก

( Somboon )

by Pakawa

พระวินัยเป็นคำสอน ที่ทรงแสดงเกื้อกูลกับพระภิกษุ เป็น บัญญัติสิกขาบท ข้อห้าม และ ข้อควรประพฤติ ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญ ให้กุศลที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น และที่เกิดขึ้นแล้วเจริญ และอาสวะกิเลสที่ยังไม่เกิด ก็ไม่เกิดขึ้น และที่เกิดขึ้นแล้วก็ไม่เจริญ

พระวินัยปิฎก

      “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล เราจักบัญญัติสิกขาบทแก่ภิกษุทั้งหลาย อาศัยอำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ คือ เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์ ๑ เพื่อความสำราญแห่งสงฆ์ ๑ เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก ๑ เพื่ออยู่สำราญแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ๑ เพื่อป้องกันอาสวะอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๑ เพื่อกำจัดอาสวะอันจักบังเกิดในอนาคต ๑ เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ๑ เพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ๑ เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม ๑ เพื่อถือตามพระวินัย ๑”
สิกขาบท เป็นบทที่จะต้องศึกษาให้เข้าใจ เพื่อน้อมประพฤติตาม เพศบรรพชิต ก็มีสิกขาบทสำหรับบรรพชิตที่จะต้องศึกษาให้เข้าใจอันเหมาะควรแก่เพศที่สูงยิ่ง จะได้ไม่ล่วงละเมิดในสิ่งที่ผิด  แล้วน้อมประพฤติในสิ่งที่ถูก จะบอกว่าบรรพชิตไม่รู้สิกขาบทต่างๆ ไม่ได้ ซึ่งสามารถศึกษาได้ในส่วนที่เป็นพระวินัยปิฎก เพราะถ้าไม่ได้ศึกษาให้เข้าใจ ก็จะเป็นเหตุให้ผิดพระวินัย ล่วงละเมิดสิกขาบทต่าง ๆ มีโทษแก่พระภิกษุรูปที่ล่วงละเมิด
คำว่า วินัย โดยความหมายทางโลก หมายถึง ระเบียบข้อประพฤติปฏิบัติ เป็นวินัย แต่ในพระพุทธศาสนา วินัย หมายถึง เครื่องกำจัด กำจัดอย่างวิเศษ ขัดเกลาอย่างวิเศษ กำจัดขัดเกลาอะไร ก็ต้องเป็นการกำจัด สภาพธรรมที่เป็นอกุศลธรรมและกิเลส สภาพธรรมอะไรก็ตามที่กำจัดเสียซึ่งความไม่ดี ชื่อว่า วินัย
   วินัย มี ๒ อย่าง คือ สังวรวินัย และ ปหานวินัย สัวรวินัย คือเครื่องกำจัดกิเลส ด้วยการสังวร หรือ สำรวม ซึ่งแบ่งเป็นสังวร ๕ อย่าง คือ สีลสังวร สติสังวร ขันติสังวร ญาณสังวร และ วิริยะสังวร
สังวรทั้ง ๕ อย่างนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ วินัย ที่เป็นสังวรวินัย ซึ่งสีลสังวร ก็คือการสำรวมด้วยศีล ถ้าเป็นคฤหัสถ์ก็ศีล ๕ ถ้าเป็นบรรพชิต ก็สิกขาบท สีลสังวรเป็นวินัย เพราะกำจัดกิเลสที่หยาบทางกาย วาจา, สติสังวร คือการสำรวมด้วยสติ  คือ ขณะที่สติปัฏฐานเกิด รู้ลักษณะสภาพธรรมทางตา หู..ใจ, ญาณสังวร คือการสำรวมด้วยปัญญา, ขันติสังวร คือการสำรวมด้วยขันติ และ วิริยสังวร การสำรวมไม่ให้กิเลสเกิดด้วย วิริยะ
พระวินัยเป็นพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ทรงแสดงเกื้อกูลกับพระภิกษุที่เป็นพระธรรมที่ทรงแสดงบัญญัติสิกขาบท ข้อห้าม และ ข้อควรประพฤติ ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญ ให้กุศลที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น และ ที่เกิดขึ้นแล้วเจริญ และอาสวะกิเลสที่ไม่เกิด ก็ไม่เกิดขึ้น และ ที่เกิดขึ้นแล้วก็ไม่เจริญขึ้น ซึ่งจะเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ อันเป็นรากฐานสำคัญให้กุศลอื่นๆ เจริญจนถึงการดับกิเลส อันเป็นพระวินัย เป็นรากฐานในการขัดเกลากิเลสอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น ภิกษุที่ดี ที่เป็น ลัชชี ย่อมรักษาพระวินัยไว้
    ส่วนคฤหัสถ์ที่ศึกษาพระวินัย ย่อมรู้สิ่งที่ควร และ ไม่ควร กับการปฏิบัติกับเพศบรรพชิต อันจะเป็นการรักษาพระศาสนา เพราะเป็นผู้รู้ในพระวินัยด้วย เพราะฉะนั้น พระวินัยจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในพระพุทธศาสนาตามที่กล่าวมา
    พระวินัยปิฎก เป็นคำสอนที่เกี่ยวข้องกับพระภิกษุโดยตรง ถ้าคฤหัสถ์ได้ศึกษาย่อมเป็นประโยชน์ เกื้อกูลแก่เพศบรรพชิตเป็นอย่างมาก ดังนั้นคฤหัสถ์ควรศึกษาด้วยเช่นกัน สำหรับพระสุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก ควรศึกษาเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีประโยชน์กับทุกบุคคลทุกระดับชนชั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงแสดงพระธรรมประกาศพระศาสนาตลอด ๔๕ พรรษา พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงนั้น เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูก ของผู้ที่ได้ฟังได้ศึกษามีความเข้าใจ และน้อมประพฤติปฏิบัติตาม ซึ่งมีผู้ได้รับประโยชน์จากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงมีจำนวน นับไม่ถ้วน ทั้งเทวดา พรหม และ มนุษย์ แล้วพระธรรมก็มีการทรงจำสืบต่อมาจนถึงสมัยปัจจุบันเป็นพระไตรปิฎก ข้อความในพระไตรปิฎก แสดงให้เข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงทั้งหมด
    พระไตรปิฎกหมายถึงคำสอน ๓ หมวด ซึ่งทั้งสามปิฎกนั้นมีคุณค่ามากมายมหาศาลหาอะไรเปรียบไม่ได้เลย จะเห็นได้ว่า เพราะมีธรรม เพราะมีสิ่งที่มีจริง จึงได้มี ๓ ปิฎก ถ้าไม่มีสภาพธรรมที่มีจริงซึ่งเป็นปรมัตถธรรมหรืออภิธรรมซึ่งเป็นปิฎกสุดท้าย แล้ว พระวินัยปิฎกและพระสุตตันตปิฎก ก็มีไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะแสดงโดยนัยที่เป็นพระวินัย หรือ พระสูตร ก็ไม่พ้นไปจากให้เข้าใจสภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็นสัจจธรรม ทั้งสิ้น พระอภิธรรมเป็นปิฎกที่เป็นการแสดงถึงการตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ทีไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน แล้วทรงเกื้อกูลสัตว์โลกให้ได้เข้าใจธรรมตามความเป็นจริง ด้วย ถ้าได้ศึกษาด้วยความละเอียด รอบคอบจริง ๆ ศึกษาเพื่อความเข้าใจจริง ๆ ตรงตามพระธรรม ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะทั้งหมดนั้น เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรมประการต่าง ๆ เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองเป็นสำคัญ.

You may also like

Leave a Comment

-
00:00
00:00
Update Required Flash plugin
-
00:00
00:00