Home » ปัญญาในพุทธศาสนา

ปัญญาในพุทธศาสนา

by Pakawa

( Somboon )

ผู้ที่เห็นโทษของกิเลส จึงศึกษา อบรมปัญญาและเมื่อปัญญาเจริญขึ้น กาย วาจา และใจก็น้อมไปในทางที่ดีขึ้น เพราะมีความเห็นถูกเป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งจะมีความเห็นถูกได้ ก็ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ด้วยความแยบคายและด้วยจุดประสงค์ที่ถูกต้อง

ปัญญาในพุทธศาสนา

การที่จะเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ใช้เวลา ๔ อสงไขยแสนกัป ถ้าเป็นท่านพระสารีบุตรไม่ถึง ๔ อสงไขยแสนกัป ถ้าเป็นมหาสาวกก็น้อยลงมา แล้วอย่างเรา ถ้าจะไม่ฟังเลย หรือบางคนก็คิดว่า ไม่ต้องศึกษาหรอกพระพุทธศาสนา ฟังเอานิดๆ หน่อยๆ สอนแค่ทำดี ละชั่วก็พอแล้ว อย่างนั้นไม่ชื่อว่า เป็นผู้ที่เห็นคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะเหตุว่าพระธรรมที่ทรงแสดงไว้ต้องเป็นประโยชน์ แล้วถ้าไม่ศึกษา เราจะได้ประโยชน์จากพระธรรมได้อย่างไร ก็ไม่มีหนทางเลย
แม้แต่โอวาทปาติโมกข์ ละชั่ว ทำดี ทำจิตให้ผ่องใส ถ้าไม่รู้ว่าเป็นธรรมะ ก็เป็นเราที่ละชั่ว เป็นเราที่ทำดี เป็นเราที่จะทำจิตให้ผ่องใส พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เราละ หรือให้เข้าใจถูกต้องว่าเป็นธรรมะ เพราะการละชั่ว ทำดี ไม่ได้มีแต่เฉพาะคำสอนของพระบรมศาสดาพระองค์เดียว ทุกศาสนาแต่ละศาสดาก็ไม่ได้สอนให้ใครทำชั่ว แต่สอนให้ละชั่ว ทำดีกันทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นจะต่างกันอย่างไรระหว่างผู้ที่ละชั่วและได้ฟังธรรม กับผู้ที่ละชั่วแต่ไม่ได้เข้าใจธรรม ผู้ที่ละชั่ว เหมือนกันหมด คือ ละชั่ว แต่ต่างกันที่เข้าใจว่า ความชั่ว (อกุศล) เป็นธรรมะ ซึ่งเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ทุกอย่างในชีวิต ไม่ว่าดีหรือชั่ว ก็เป็นธรรมะซึ่งเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ให้เข้าใจถึงความจริงว่า จะพูดว่า “ชั่ว” ก็คือธรรมะ จะพูดว่า “ละชั่ว” ก็คือธรรมะ ต้องมีความเข้าใจด้วยว่าเป็นธรรมะ จึงจะเป็นคำสอนของผู้รู้ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งรู้จริงๆ ว่าเป็นธรรมะ ไม่ใช่เผินๆ ว่าบอกให้ทำความดีเท่านั้น ใครก็บอกให้ทำความดีได้ พ่อแม่ พี่น้อง ครูอาจารย์ ก็รู้ว่าสิ่งใดควร สิ่งใดดี ก็สอนให้ทำดี แล้วเป็นธรรมะ หรือเข้าใจธรรมะ จะต่างกับคำสอนของศาสดาอื่นอย่างไร จะต่างจากคำสอนของครูบาอาจารย์อย่างไร
นี่คือไม่รู้จักความเป็น “พุทธะ” ว่าทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นพระวินัย พระสูตร หรือ พระอภิธรรม ก็คือสอนให้เข้าใจว่าสิ่งที่มีจริงทั้งหมดเป็นธรรมะ แล้วให้เห็นความหลากหลายของธรรมะ มากมาย ซึ่งไม่ใช่เรา อกุศลทั้งหลายไม่ใช่เรา ให้รู้ว่าเป็นธรรม แม้แต่ การละ ก็ต้องรู้ว่าเป็นปัญญาเห็นโทษของอกุศล แล้วรู้ด้วยว่า ละ ไม่ใช่ด้วยความเป็นเรา แต่ด้วยการสะสมกุศลเพิ่มขึ้นจนสามารถเข้าใจ จนกระทั่งชำระจิตให้บริสุทธิ์ได้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ถึง เพียงแค่ละทุจริต ละชั่ว แล้วก็ทำความดี โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นธรรมะ แต่ที่ความต่างของพุทธศาสนิกชน หรือพุทธบริษัท ก็คือ เข้าใจธรรมะว่าเป็นธรรมะ แม้แต่ในขณะที่อกุศลเกิด หรือในขณะที่ละอกุศลก็เป็นธรรมะ ไม่มีเรา จึงเป็นปัญญาในพุทธศาสนา.

You may also like

Leave a Comment

-
00:00
00:00
Update Required Flash plugin
-
00:00
00:00