ธรรมรส

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ยังดำรงอยู่ ก็เป็นโอกาสที่ดียิ่งที่ผู้สะสมเหตุที่ดีมา เห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจความจริง จะได้ฟัง ได้ศึกษาสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริงต่อไป

ธรรมรส

ธรรมรส แปลว่า รสแห่งพระธรรม แสดงความเป็นจริงว่า พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นรสที่ประเสริฐ เพราะเป็นไปเพื่อปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูกโดยตลอด นำมาซึ่งความปลาบปลื้มยินดีอย่างยิ่ง เพราะสามารถทำให้พ้นจากทุกข์ พ้นจากกิเลสโดยประการทั้งปวง
ในชีวิตประจำวัน ทุกคนจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการบริโภคอาหาร เพื่อความสืบต่อเป็นไปแห่งชีวิต ซึ่งจะเห็นได้ว่าแต่ละบุคคลก็บริโภคมามาก อาหารที่ประณีตมีมากมาย ถ้าจะนับ ย่อมนับไม่ถ้วน แล้วที่จะเป็นอาหารที่ประณีตต่อไปก็จะมีอีกมากมายทีเดียว แต่อาหารเหล่านั้นก็จะเป็นปัจจัยให้เกิดความยินดีพอใจเพียงชั่วขณะที่กระทบกับลิ้นเท่านั้น เวลาที่ผ่านลิ้นไปสู่ลำคอ หรือไปสู่ลำไส้ กระเพาะแล้ว อาหารทั้งหลายไม่ปรากฏเลย เพราะฉะนั้น ถ้าจะพิจารณาตามความเป็นจริงว่า ที่บุคคลมีความยินดีพอใจติดในรสอาหารอย่างมากนี้ ก็เพียงชั่วขณะสั้นๆ ที่ปรากฏในขณะที่กระทบลิ้นเท่านั้นเอง แล้วก็หมดไป ไม่สามารถจะตั้งอยู่ได้นานเลย แต่ก็เป็นที่ตั้งของความติดความยินดีพอใจได้
แต่สำหรับบุคคลที่ได้อบรมเจริญปัญญา ท่านย่อมสามารถที่จะเปรียบเทียบได้ว่า รสที่ปรากฏที่ลิ้นชั่วขณะที่ ชิวหาวิญญาณ (จิตรู้รส) รู้รสนั้น เป็นแต่เพียงสิ่งที่ไม่เที่ยง ไม่เป็นสาระ ไม่เป็นสิ่งที่ทำให้หมดความกระหาย ความเร่าร้อน และความทุกข์ต่างๆ ได้เลย เพราะเหตุว่าถ้าปัญญาไม่เกิดขึ้นรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ถึงแม้จะลิ้มรสที่ประณีตสักเท่าใดก็ไม่พอแก่ความต้องการ ก็ยังคงปรารถนาที่จะลิ้มรสที่ประณีตนั้นต่อไปอีก ไม่มีวันหยุด ไม่มีวันหมดสิ้น เพราะฉะนั้น รสที่ประเสริฐที่สุดที่จะดับความกระหาย ดับความติดข้องในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในสิ่งที่กระทบสัมผัสกายทั้งปวง ก็ต้องเป็นรสของพระธรรม เท่านั้น
แสดงให้เห็นว่า เทียบกันไม่ได้เลยระหว่างรสอาหารกับรสพระธรรม บุคคลผู้ที่เห็นรสพระธรรม ว่า เลิศกว่ารสทั้งปวง นั้น ก็จะต้องเป็นผู้ที่ได้ฟังพระธรรมพิจารณาไตร่ตรองจนเป็นความเข้าใจของตนเอง น้อมประพฤติปฏิบัติตาม และรู้ตามว่า สภาพธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเป็นความจริงอย่างนั้น เพราะฉะนั้น การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม จึงมีประโยชน์มากที่จะทำให้ผู้ศึกษาได้พิจารณาสภาพธรรมที่ปรากฏให้ละเอียดขึ้น ลึกซึ้งขึ้น เพื่อการประพฤติปฏิบัติจะได้ถูกต้องขึ้น รู้ความละเอียดของธรรมชัดเจนยิ่งขึ้น จนกระทั่งเป็นปัญญาที่ประจักษ์แจ้งในสภาพธรรมตามความเป็นจริงได้ในที่สุด
ยุคสมัยนี้ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ยังดำรงอยู่ ก็เป็นโอกาสที่ดียิ่งที่ผู้สะสมเหตุที่ดีมา เห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจความจริง จะได้ฟัง ได้ศึกษาสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริงต่อไป เพราะสิ่งที่ประเสริฐที่สุดในชีวิตไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทอง แต่เป็นปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูก เท่านั้น และการที่ปัญญาจะเจริญขึ้นได้ ก็ต้องไม่ขาดการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน.

Related posts

ศึกษาธรรมะทีละคำ

ศีลสมาธิและปัญญา

ปัญญา