ไตรสิกขา

หากไม่มีปัญญา ความเข้าใจเป็นเบื้องต้นแล้ว ศีลนั้นก็ไม่ใช่อธิศีล สมาธิ สมถภาวนา ก็ไม่ใช่อธิจิต ที่เป็นไปในการดับกิเลส เพราะฉะนั้น ปัญญาจึงเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นจึงจะต้องเริ่มจากการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ จนเป็นปัจจัยให้สติปัฏฐาน หรือ วิปัสสนาภาวนาเกิด

ไตรสิกขา

ไตร (สาม) + สิกขา (สภาพอันพึงศึกษา)
สภาพอันพึงศึกษา ๓ อย่าง หมายถึง ศีลสิกขา จิตตสิกขา และปัญญาสิกขา ซึ่งเป็นหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แบ่งเป็นการศึกษา ๓ ระดับ คือ ปริยัติ ปฏิบัติ และ ปฏิเวธ
พระธรรมเป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้ง โดยเฉพาะหนทางการดับกิเลส ในเรื่อง ของศีล สมาธิ และปัญญา ก็ต้องเข้าใจว่า คืออะไร
ศีล มีหลายอย่าง หลายระดับ ทั้ง ศีลที่เรามักเข้าใจกันทั่วไปคือการงดเว้นจากการทำบาป ทางกาย วาจา เป็นต้น แต่มีศีลที่ละเอียดยิ่งไปกว่านั้น ที่เป็นศีล ที่เรียกว่า อธิศีล อันเป็นศีลที่เกิดพร้อมกับสมาธิและปัญญา
สมาธิ โดยทั่วไป ก็เข้าใจกันว่า คือ การนั่งสมาธิให้สงบ แต่ในทางพระพุทธศาสนา จะใช้คำว่า อธิจิตสิกขา หรือ บางครั้งใช้คำว่า สัมมาสมาธิ ที่มุ่งหมายถึง การเจริญสมถภาวนา และ สมาธิที่เกิดพร้อมกับปัญญาในปัญญาขั้นวิปัสสนปัญญา
ปัญญาในพระพุทธศาสนา ก็มีหลายระดับ คือตั้งแต่ ความเห็นถูก เช่นเชื่อกรรมและผลของกรรม ปัญญาขั้นการฟัง การศึกษา ปัญญาขั้นสมถภาวนา และปัญญาขั้นวิปัสสนาภาวนา
เมื่อพูดถึงหนทางการดับกิเลส จะใช้คำว่า การอบรมไตรสิกขา คืออธิศีลสิกขา อธิจิตสิกขา และอธิปัญญาสิกขา ดังนั้นศีลโดยทั่วไป ที่งดเว้นจากบาป ศาสนาอื่นๆ ก็มี แต่ไม่ใช่ หนทางที่จะดับกิเลส ไม่ใช่ อธิศีลสิกขา สมาธิที่เป็นการเจริญสมถภาวนาจนได้ฌาน แม้ก่อนพุทธศาสนาจะบังเกิดขึ้น ก็มีการเจริญสมถภาวนา แต่สมาธินั้นไม่ใช่ อธิจิตสิกขา ส่วนปัญญาที่จะเป็นไตรสิกขา อันเป็นหนทางการดับกิเลส ก็จะต้องเป็น ปัญญาระดับวิปัสสนาภาวนา
ดังนั้นเมื่อว่าโดยความละเอียดแล้ว ไม่ได้หมายความว่าการจะเจริญหนทางการดับกิเลส ที่เรียกว่าไตรสิกขาจะต้องรักษาศีลก่อน แล้วค่อยอบรมสมาธิ แล้วจึงจะไปเจริญวิปัสสนาได้ ที่เป็นปัญญา ต้องเข้าใจพื้นฐานก่อนว่า จิตเมื่อเกิดขึ้น จะมีเจตสิกเกิดร่วมด้วยหลายดวง แม้ขณะที่เป็นสติปัฏฐาน หรือวิปัสสนา ขณะนั้นก็เป็นจิตที่เป็นกุศลประกอบด้วยปัญญา มีเจตสิกเกิดร่วมด้วยหลายดวง ขณะที่สติปัฏฐานเกิด ขณะนั้นมี สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ ทั้ง ๒ นี้ เป็น อธิปัญญา และมีสัมมาวิริยะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ เป็นอธิจิต หรือสมาธิ และมีเอกัคคตาเจตสิกที่เกิดพร้อมกับ สติปัฏฐานที่เป็นองค์ของสมาธิ ด้วย และมีศีลด้วยในขณะที่สติปัฏฐานเกิด คือ อินทรียสังวรศีล ศีลที่เป็นการสำรวมทาง ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจในขณะนั้น เป็นอธิศีล หรือ สัมมากัมมันตะและสัมมาอาชีวะซึ่งเป็นอธิศีล ก็เกิดพร้อมกับสมาธิและปัญญา ในขณะที่อริยมรรคเกิด
ดังนั้นมี ศีล สมาธิ ปัญญาเกิดพร้อมกัน ในการอบรมเจริญวิปัสสนา ในขณะที่สติปัฏฐานเกิด และ ขณะมรรคจิตเกิด แสดงให้เห็นถึงความละเอียดของธรรมและ ความละเอียดลึกซึ้งของหนทางการดับกิเลส
ที่สำคัญ หากไม่มีปัญญา ความเข้าใจเป็นเบื้องต้นแล้ว ศีลนั้นก็ไม่ใช่อธิศีล สมาธิ สมถภาวนา ก็ไม่ใช่อธิจิต ที่เป็นไปในการดับกิเลส เพราะฉะนั้น ปัญญาจึงเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นจึงจะต้องเริ่มจากการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ จนเป็นปัจจัยให้สติปัฏฐาน หรือ วิปัสสนาภาวนาเกิด ก็มี ศีล สมาธิ ปัญญา ที่เป็นไตรสิกขา ในขณะนั้นแล้ว โดยไม่ต้องไปทำศีลก่อน เรียงลำดับเลย เพราะฉะนั้น ปัญญาจึงเป็นธรรมที่มีอุปการะมาก ต่อการดำเนินหนทางการดับกิเลส ดังนั้นการมีศีล มีสมาธิ แต่ไม่มีปัญญาก็ได้ แต่ไม่เป็นทางที่จะดับกิเลส ต่อเมื่อมีปัญญา ขั้นวิปัสสนา ก็มีศีล มีสมาธิ เกิดด้วย.

Related posts

ปัญญารัตนะ

อัตตสัญญาและอนัตตสัญญา

ชีวิตผู้ครองเรือน